เปิดคุณสมบัติ-ลักษณะต้องห้าม ผู้สมัครนายกเมืองพัทยา

23 มี.ค. 2565 | 18:00 น.

เลือกตั้งนายกเมืองพัทยา 2565 กฎหมายกำหนดให้ต้องมี คุณสมบัติ-ไม่มีลักษณะต้องห้าม อย่างไร ตรวจสอบรายละเอียดได้ครบที่นี่

มีความชัดเจนแล้วสำหรับวันหย่อนบัตรลงคะแนนเลือกตั้ง ผู้ว่าฯ กทม. และ นายกเมืองพัทยา โดยคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กำหนดให้มีขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 22 พฤษภาคม 2565 ซึ่งตามกฎหมายได้กำหนดคุณสมบัติของผู้สมัครรับเลือกตั้ง รวมถึงลักษณะต้องห้ามของผู้สมัครรับเลือกตั้งเอาไว้อย่างชัดเจนซึ่งในส่วนของ "นายกเมืองพัทยา" นั้น

กฎหมายกำหนดให้ต้องมีคุณสมบัติดังต่อไปนี้

1.มีสัญชาติไทยโดยการเกิด

2.มีอายุไม่ต่ำกว่า 35 ปี นับถึงวันเลือกตั้ง

3.สำเร็จการศึกษาไม่ต่ำกว่าปริญญาตรี หรือเทียบเท่า

4.มีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านในเขตเมืองพัทยาเป็นเวลาติดต่อกันไม่น้อยกว่า 1 ปีนับถึงวันสมัครรับเลือกตั้ง

5.ไม่มีลักษณะต้องห้าม ตามมาตรา 50 พ.ร.บ.การเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ.2562 กำหนด

ขณะที่ค่าธรรมเนียมสมัครรับเลือกตั้ง "นายกเมืองพัทยา" อยู่ที่ 10,000 บาท

ส่วนผู้สมัครเป็น "สมาชิกสภาเมืองพัทยา" ซึ่งแบ่งออกเป็น 4 เขตเลือกตั้ง กฎหมายกำหนดให้มีสมาชิกเขตเลือกตั้งละ 6 คน รวม 24 คนต้องมีคุณสมบัติต่าง ๆ ดังต่อไปนี้

1.มีสัญชาติไทยโดยการเกิด

2.อายุไม่ต่ำกว่า 25 ปี นับถึงวันเลือกตั้ง

3.มีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านในเขตเมืองพัทยาเป็นเวลาติคต่อกันไม่น้อยกว่า 1 ปี นับถึงวันสมัครรับเลือกตั้ง

4.ไม่มีลักษณะต้องห้าม ตามมาตรา 50 พ.ร.บ.การเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ.2562 กำหนด

ค่าธรรมเนียมสมัครรับเลือกตั้ง "สมาชิกสภาเมืองพัทยา" จะอยู่ที่ 5,000 บาท

ขณะที่บุคคล "ต้องห้าม" ไม่ให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้ง มีดังต่อไปนี้

1.ติดยาเสพติดให้โทษ

2.เป็นบุคคลล้มละลาย หรือเคยเป็นบุคคลล้มละลาย ทุจริต

3.เป็นเจ้าของหรือผู้ถือหุ้นในกิจการหนังสือพิมพ์หรือสื่อมวลชนใดๆ

4.ลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิเลือกตั้ง ดังนี้

  • เป็น ภิกษุ สมเณร นักพรต หรือนักบวช
  • อยู่ระหว่างถูกเพิกถอนสิทธิการเลือกตั้ง
  • เป็นผู้วิกลจริตฟั่นเฟือนไม่สมประกอบ

5.อยู่ระหว่างถูกระงับสิทธิสมัครรับเลือกตั้งชั่วคราว (ใบส้ม) หรือถูกเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง (ใบดำ)

6.ถูกจำคุกหรือคุมขังโดยหมายของศาล

7.เคยถูกจำคุกและพ้นโทษมาแล้วยังไม่ถึง 5 ปี นับถึงวันเลือกตั้ง ยกเว้นความผิดประมาทหรือลหุโทษ

8.เคยถูกสั่งให้พ้นจากราชการ หน่วยงานของรัฐ หรือรัฐวิสาหกิจ เพราะทุจริตต่อหน้าที่ หรือถือว่ากระทำทุจริตหรือประพฤติมิชอบในวงราชการ

9.เคยถูกศาลมีคำพิพากษา หรือคำสั่งอันถึงที่สุดให้ยึดทรัพย์เป็นของแผ่นดิน เพราะร่ำรวยผิดปกติ หรือเคยต้องคำพิพากษาอันถึงที่สุดให้จำคุกตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต

10.เคยต้องคำพิพากษาอันถึงที่สุดว่ากระทำผิด