"ธีระชัย"แนะ 5 แนวทางแก้ปัญหาศก. ชูศาสตร์พระราชาสร้างชุมชนยั่งยืน

22 มี.ค. 2565 | 06:07 น.

อดีตขุนคลัง"ธีระชัย" มองศก.เปีนี้และปีหน้าจะเป็นปัญหาใหญ่รุมเร้า จากนโยบายการบริหารผิดพลาดของรัฐบาล แนะ 5 แนวทางแก้ชูใช้ศาสตร์ของพระราชาสร้างประโยชน์ให้ชุมชนยั่งยืน - เจรจาขอให้จีนช่วยเหลือแก้ปัญหาและลดอุปสรรคการส่งออกผลไม้ไทยไปจีน

22 มี.ค.65 นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง  โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ชี้นโยบายผิดพลาดของรัฐบาลประยุทธ์ จันทร์โอชา ในช่วงการบริหาร 8 ปีผนวกกับปัญหาเศรษฐกิจจะเป็นปัญหาใหญ่รุมเร้าในปีนี้และปีหน้า แนะ 5 แนวทางแก้ปัญหาเศรษฐกิจ โดยระบุดังนี้

 

แนะนำแก้ปัญหาเศรษฐกิจ

 

มีผู้สื่อข่าวถามผมหลายคนว่าวิธีแก้ปัญหาเศรษฐกิจควรจะทำอย่างไร?
ผมมีความเห็นว่าในปีนี้และปีหน้า เรื่องเศรษฐกิจจะเป็นปัญหารุมเร้าใหญ่ที่สุด และปัญหาเกิดจากนโยบายผิดพลาดของรัฐบาลพลเอกประยุทธ์โดยตรง

 

หนึ่ง ผิดพลาดที่ใช้เงินกู้ท่วมหัว แต่ได้ผลเพียงแบบไฟไหม้ฟาง ไม่ยั่งยืน
ธุรกิจขนาดกลางและเล็กกำลังหมดสายป่านจากการที่พลเอกประยุทธ์แก้ปัญหาโควิดในห้วงเวลาสองปีแรก โดยเดินตามสถานการณ์หนึ่งก้าวตลอด และจากสถานการณ์ท่องเที่ยวยังไม่มีโอกาสฟื้นกลับเท่าเดิม 

 

แต่รัฐบาลพลเอกประยุทธ์กลับไปเน้นเอาเงินกู้มหาศาลมาแจกประชาชนเพื่ออุปโภคบริโภค อันเป็นการแก้ปัญหาแบบเฉพาะหน้าที่ได้ผลชั่วคราว แต่ไม่ยั่งยืน แทนที่จะใช้จ่ายเพื่อสร้างทางใหม่ฟื้นฟูเตรียมการปรับตัวแข่งขันของชาติ แทนที่จะใช้เงินเพื่อหารายได้แก่ประเทศ

 

สอง ผิดพลาดที่ไม่เตรียมประชาชน เพื่อรองรับทิศทางการค้าโลกที่กำลังจะเปลี่ยนแปลง

 

การค้าโลกกำลังเปลี่ยน โดยความขัดแย้งระหว่างสหรัฐกับจีนจะบีบให้กระแสโลกาภิวัฒน์แผ่วลง ประเทศตะวันตกจะดึงอุตสาหกรรมที่ล่อแหลมกลับไปผลิตในประเทศตนเองหรือในเพื่อนบ้านใกล้เคียง ซึ่งจะทำให้โมเดลห่วงโซ่อุปทาน (supply chain investments) เติบโตน้อยลงกว่าเดิม 

 

การค้าระหว่างประเทศจะเปลี่ยนไปเป็นสองขั้ว โดยในเอเซียตะวันออกจะมีการเน้นการค้าในภูมิภาคมากขึ้น  แต่ตลอดแปดปี รัฐบาลพลเอกประยุทธ์กลับละเลยการพัฒนาระบบขนส่งทางรางเชื่อมโยงไทยกับจีน ทั้งที่จีนจะเป็นแม่เหล็กการค้าใหญ่สุดในภูมิภาคนี้

สาม ผิดพลาดที่ไม่ได้คาดการณ์ล่วงหน้าด้านปัญหาเศรษฐกิจจากสงครามยูเครน

 

สงครามยูเครนทำให้เกิดปัญหาซ้ำซ้อน โดยนอกจากราคาพลังงานจะทรงตัวอยู่ในระดับสูงกว่าอดีตห้าปีที่ผ่านมาแล้ว มาตรการแซงชั่นยังจะทำให้สินค้าโภคภัณฑ์สำคัญมีราคาสูงขึ้น ตลอดจนโลกกำลังจะขาดแคลนทั้งปุ๋ย อาหารคน และอาหารสัตว์ 

 

ตลาดส่งออกของโลกโดยรวมจึงจะมีกำลังซื้อลดลประชาชนหลายประเทศกำลังจะเดือดร้อนอดอยาก ส่วนเกษตรกรไทยถึงแม้ราคาสินค้าบางอย่างจะสูงขึ้นแต่ก็กำลังจะต้องเผชิญต้นทุนที่สูงขึ้นมากด้วย ทั้งเรื่องปุ๋ยและการกำจัดศัตรูพืช

 

แต่รัฐบาลพลเอกประยุทธ์กลับไม่ได้คิดล่วงหน้าเพื่อดักทางปัญหา กลับไปเน้นแก้ปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองของท่านเองโดยมีเป้าหมายขอทำหน้าที่ประธานในประชุมเอเปกอย่างเดียว

 

สี่ ผิดพลาดที่ไปลงนามเอกสารร่วมกับสหรัฐที่สร้างความกังวลระแวงให้เกิดขึ้นแก่จีน

 

พลเอกประยุทธ์ไปทำแถลงการณ์ร่วมไทย-สหรัฐในปี 2562 ที่กล่าวพาดพิงไปถึงอินโด-แปซิฟิกและองค์กรนาโต้ ทำให้ไทยจัดอยู่ในกลุ่มประเทศหัวขบวนที่ร่วมกับสหรัฐจัดทำเอกสารทำนองนี้ และเป็นการแสดงท่าทีที่สอดคล้องกับแผนยุทธศาสตร์ของสหรัฐที่เป็นปฏิปักษ์กับจีน 
จึงมีผู้วิจารณ์ว่าอาจเป็นเหตุหนึ่งที่ทำให้จีนกีดกันการส่งออกผลไม้ของไทย ซึ่งขณะนี้กระทบลำใยอย่างหนัก และต่อไปจะกระทบทุเรียนและมังคุด

 

วิธีแก้ปัญหา

 

1.กระจายเงินลงรากหญ้าตามศาสตร์ของพระราชาเปลี่ยนไปใช้ศาสตร์ของพระราชาจะทำให้ประโยชน์ที่จะเกิดต่อชุมชนยั่งยืนและคุ้มค่า  

 

เสนอแนะให้ชุมชนทำการสำรวจ ระดมสมอง และกำหนดจุดแข่งขันของตนเองในอนาคต ให้เน้นเรื่องเฉพาะที่เหมาะสมแต่ละชุมชนแม้จะแตกต่างกัน แล้วให้ชุมชนเป็นผู้เสนอ 3 โครงการที่ต้องการให้รัฐบาลสนับสนุนเงิน 

โดยในรอบแรก รัฐบาลจัดเงินกระจายลงทุนโครงการอันดับหนึ่งของแต่ละชุมชนทั่วประเทศ แล้วรอบต่อไปให้ขยายลงโครงการอันดับสองและอันดับสามต้องกำชับให้ชุมชนคิดโครงการที่เน้นพัฒนาจุดแข่งขัน (competitive advantage) ของแต่ละชุมชน ซึ่งโครงการทำนองนี้จะสามารถใช้ประโยชน์จากคนที่มีความรู้และประสบการณ์ที่ย้ายจากกรุงเทพกลับคืนท้องถิ่นเดิม 
โดยรัฐบาลจัดให้มีธนาคารรัฐและสถาบันการศึกษาอาชีวะภูมิภาคเป็นผู้ช่วยด้านวิชาการแก่ชุมชน

 

ทั้งนี้ การคัดเลือกโครงการจะต้องไม่ใช้ top down จะต้องไม่ให้รัฐมนตรี หรือผู้ว่าฯ หรือนายอำเภอเข้ามาเกี่ยวข้อง โดยให้ชุมชนเป็นผู้มีสิทธิขาดคัดเลือกโครงการเอง และควรเน้นโครงการที่รัฐลงทุนให้ 100 แต่ชาวบ้านจะสามารถเอาไปต่อยอดให้เป็น 200 ได้เองในอนาคต เพื่อช่วยให้ชาวบ้านสามารถยืนบนขาของตัวเองได้มั่นคงยิ่งขึ้น ให้มีโอกาสในชีวิตดีขึ้น ทำให้ต้นทุนความเป็นอยู่และการประกอบธุรกิจต่ำลง ฯลฯ

 

แนวคิดนี้เป็นไปตามศาสตร์ของพระราชาอย่างแท้จริง เป็นการให้เบ็ดไม่ใช่ให้ปลา  แต่น่าเสียดายแปดปีของพลเอกประยุทธ์ไม่สนใจแนวคิดนี้ถึงแม้ผมได้ส่งจดหมายเสนอแนะไปแล้วถึงสองครั้ง 

 

ทั้งนี้ ถึงแม้การยกเลิก’ลดแลกแจกแถม’พลเอกประยุทธ์อาจจะเสียโอกาสขยายฐานเสียงในการเลือกตั้งไปบ้าง แต่การเปลี่ยนไปใช้ศาสตร์ของพระราชาจะทำให้ประโยชน์ที่จะเกิดต่อชุมชนยั่งยืนและคุ้มค่า  

 

การทำโครงการต่อยอดศาสตร์ของพระราชาที่ทำให้ประชาชนเข้มแข็งขึ้นทั่วทุกหัวระแหง จะทำให้ประชาชนศรัทธาประโยชน์ของระบบการเมืองที่ดี มากกว่าการแจกประชานิยมที่เกินตัว เกินรายได้ ใช้เงินกู้ท่วมหัวแต่เกิดประโยชน์แบบไม่ยั่งยืน

 

ถามว่าจะใช้เงินจากไหน ตอบว่าก็ต้องกู้เพิ่มอีก 

 

จึงน่าเสียดายที่แปดปีของพลเอกประยุทธ์ได้แบ่งเงินกู้ไปแล้วมาก แต่ไม่เอาไปใช้จ่ายเพื่อหารายได้ อย่างไรก็ดี แม้จะต้องกู้เพิ่มอีก แต่การใช้เงินทำงานช่วยชุมชนหารายได้ จะเป็นวิธีเดียวที่รัฐบาลในอนาคตจะมีภาษีเพิ่มขึ้นมากพอเอาไปชำระคืนหนี้ที่พลเอกประยุทธ์ก่อไว้

 

2. เจรจาขอให้จีนช่วยเหลือ

 

เสนอแนะให้พลเอกประยุทธ์แถลงข่าวยืนยันตามที่กระทรวงต่างประเทศชี้แจงว่า (ดูรูป) แถลงการณ์ร่วมไทย-สหรัฐที่พลเอกประยุทธ์ลงนามในปี 2562 นั้น ประเทศไทยไม่ได้ประสงค์จะให้เป็นข้อผูกมัดที่จะมีขึ้นกับฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ไม่ได้ประสงค์จะให้เป็นสัญญาหรือความตกลงในรูปแบบใดทั้งสิ้น เพื่อให้ประเทศจีนและประเทศเอเซียอื่นคลายข้อกังวล

 

และเสนอแนะให้พลเอกประยุทธ์พูดคุยโดยตรงกับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง เพื่อขอร้องให้เขาช่วยสั่งการเคลียร์ปัญหาอุปสรรคในการส่งออกผลไม้จากไทยไปจีนเป็นการด่วน

 

3. คืนกำไรให้แก่ประชาชน

 

เพื่อลดภาระที่ประชาชนเดือดร้อนจากราคาพลังงานที่จะไม่ลดลงโดยง่าย เสนอแนะให้แก้ไขกฎระเบียบยกเลิกอภิสิทธิ์ของบริษัทผูกขาดเสือนอนกินในธุรกิจพลังงาน

 

นโยบายนี้คือ ให้กระจายกำไรผูกขาดจากเสือนอนกินกลับคืนไปให้แก่ชาวบ้านเสียบ้าง ให้คืนกำไรเสียบ้าง โดยเฉพาะแก้ไขสูตรการอิงราคาน้ำมันและราคาก๊าซหุงต้มในต่างประเทศ ตลอดจนเปลี่ยนกฎให้ธุรกิจปิโตรเคมีเป็นผู้แบกรับภาระราคาตลาดโลกแทนครัวเรือนให้มากขึ้น จัดตั้งองค์กรก๊าซแห่งชาติให้เป็นผู้ใช้สิทธิซื้อก๊าซธรรมชาติราคาต่ำตามที่ประมูลในแปลงเอราวัณและบงกช

 

แนวคิดนี้มิใช่ห้ามบริษัทเอกชนมีกำไร คือให้มีกำไรได้ แต่ต้องเป็นอัตราที่พอสมควร ต้องไม่เอาเปรียบผู้บริโภคเกินควร และเป็นการปรับเปลี่ยนกติกาเพื่อให้ผลประโยชน์จากทรัพยากรของชาติและสิทธิประโยชน์จากอำนาจรัฐไปตกแก่ประชาชนมากขึ้น บังคับให้บริษัทเอกชนต้องขวนขวายควบคุมค่าใช้จ่ายให้พอเหมาะ

 

รวมทั้งเสนอแนะให้ปรับปรุงแก้ไขกติกาผูกขาด เพื่อเปิดพื้นที่แข่งขันให้พ่อค้ารายย่อยมากขึ้น โดยเฉพาะในธุรกิจสุรา ธุรกิจค้าปลีก และธุรกิจส่งออกสินค้าเกษตร

 

4. ให้คนรวยรับภาระช่วยคนจนมากขึ้น

 

เสนอแนะให้เก็บภาษีที่ดินในอัตราก้าวหน้า โดยเน้นรายที่ถือครองสูงเป็นพิเศษ เช่น เกิน 1 พันไร่ เกิน 1 หมื่นไร่ และเกิน 1 แสนไร่ เป็นต้น 
รวมทั้งออกกฎหมายเก็บภาษีพิเศษ (windfall tax) จากบริษัทที่ได้กำไรจากสัมปทานรัฐในอัตราสูงกว่าธุรกิจปกติ และเก็บภาษีการอุปโภคบริโภคแบบอวดรวย เช่น เก็บภาษีรถยนต์ซูเปอร์คาร์ให้สูงกว่ารถทั่วไป

 

5. เร่งเตรียมตัวรับวิกฤตจากสงคราม

 

เสนอแนะให้กระตุ้นภาครัฐและเอกชน ให้รีบไปทำการจองซื้อปุ๋ย จองซื้ออาหารคน และจองซื้ออาหารสัตว์ ทั้งจากตลาดโลกและโดยพลเอกประยุทธ์เดินทางไปเจริญสัมพันธ์ไมตรีกับรัสเซีย เพื่อขอซื้อปุ๋ยแบบรัฐบาลต่อรัฐบาลเป็นกรณีพิเศษ

 

ผมยังมีข้อเสนอแนะอื่นอีกมากมาย แต่เห็นว่าแม้เพียง 5 ข้อนี้ พลเอกประยุทธ์ก็อาจจะไม่สนใจแล้ว เพราะเท่ากับจะเป็นการยอมรับโดยปริยายว่า นโยบายที่ผ่านมาของท่านนั้นผิดพลาด