"นายกฯ"ปลื้มไทยเจ้าภาพ งานมหกรรมพืชสวนโลก คาดสร้างงานกว่า 8หมื่นอัตรา

09 มี.ค. 2565 | 02:02 น.

รองโฆษกรัฐบาล เผย นายกฯ ยินดีไทยเป็นเจ้าภาพจัดงานมหกรรมพืชสวนโลกจังหวัดอุดรธานี พ.ศ.2569 ก.เกษตรพร้อมโชว์นวัตกรรมเกษตร BCG ลุ้นโควิดจบนักท่องเที่ยวเยือนกว่า 3 ล้านคน สร้างงานท้องถิ่นกว่า 8 หมื่นอัตรา

วันที่ 9 มี.ค.2565 น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี รับทราบผลการประชุมสมาคมพืชสวนโลก (International Association of Horticultural Producers : AIPH) เมื่อวันที่ 8 มี.ค.และยินดีที่ไทยได้รับคัดเลือกอย่างเป็นทางการ ให้เป็นเจ้าภาพการจัดงานมหกรรมพืชสวนโลกจังหวัดอุดรธานี พ.ศ.2569

 

นายกฯ มีความเชื่อมั่นในความพร้อมของประเทศไทยในการทำหน้าที่เป็นเจ้าภาพจัดงาน และขอให้ใช้โอกาสนี้ในการนำเสนอนวัตกรรมและเปลี่ยนองค์ความรู้ด้านพืชสวน และการดำรงอยู่ร่วมกับธรรมชาติอย่างสมดุลย์ งานดังกล่าวถือเป็นพื้นที่ในการแสดงผลงานในการผลักดันนโยบาย BCG ของรัฐบาลอย่างเป็นรูปธรรม รวมถึงเป็นการสร้างความร่วมมือทั้งระดับชาติและระดับนานาชาติในการสร้างความมั่นคงทางอาหารในโลกอีกด้วย

   น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี

นายกฯ ยังได้ขอบคุณ นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) สมาคมพืชสวนแห่งประเทศไทย และพี่น้องชาวจังหวัดอุดรธานีที่มีส่วนสำคัญในการขับเลื่อนการเสนอตัวเป็นเจ้าภาพในนามประเทศไทย โดยงานมหกรรมพืชสวนโลกจังหวัดอุดรธานี พ.ศ.2569 จะจัดขึ้นภายใต้แนวคิด Diversity of Life: Connecting people, water and plants for sustainable living (วิถีชีวิตสายน้ำและพืชพรรณ) ระหว่างวันที่ 1 พฤศจิกายน 2569 - 14 มีนาคม 2570 บริเวณพื้นที่ชุ่มน้ำหนองแด ตำบลกุดสระ อำเภอเมือง จังหวัดอุดรธานี บนเนื้อที่ 1,030 ไร่ แบ่งเป็น พื้นน้ำ 400 ไร่ และพื้นดิน 630 ไร่ โดยคาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวเข้าชมงานกว่า 3 ล้านคน สร้างงานได้กว่า 8หมื่นอัตราให้แก่คนในพื้นที่และจังหวัดใกล้เคียง และสร้างรายได้แก่ประเทศหลักหมื่นล้านบาท ซึ่งครั้งนี้นับเป็นครั้งแรกของภาคตะวันออกเฉียงเหนือในการเป็นเจ้าภาพการจัดงานระดับโลก

น.ส.รัชดา กล่าวว่า การได้รับคัดเลือกให้เป็นเจ้าภาพจัดงานมหกรรมพืชสวนโลกของไทย นอกจากจะแสดงให้เห็นถึงศักยภาพในด้านการพัฒนาพืชสวนแล้ว ยังจะเป็นการประชาสัมพันธ์ภาพลักษณ์ในด้านการเกษตร ความก้าวหน้าด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรม รวมทั้งยังเป็นโอกาสที่ดีในการเผยแพร่พระราชดำริด้านการพัฒนาการเกษตรอย่างยั่งยืนสู่ประชาคมโลกอีกด้วย

 

โดยการจัดงานในครั้งนี้ยังจะสามารถสร้างงาน กระจายรายได้ให้กับคนในพื้นที่และจังหวัดข้างเคียง ส่งเสริมองค์ความรู้ด้านพืชสวนและการเกษตรให้กับท้องถิ่น รวมไปถึงสามารถแสดงให้เห็นว่าประเทศไทยเป็นประเทศเกษตรกรรมและเป็นแหล่งผลิตอาหารที่มีคุณภาพ สามารถผลิตอาหารที่มีความปลอดภัย และได้มาตรฐานสากล