รื้อคดีโฮปเวลล์ “พีระพันธ์ ” ชี้ ช่วยรัฐประหยัดเงินกว่า 3 หมื่นล้าน

04 มี.ค. 2565 | 09:03 น.

"คดีค่าโง่โฮปเวลล์"ขาดอายุความ “พีระพันธ์ ” ร้องศาลขอรื้อคดีใหม่ ยันเป็นผลงานโบว์แดงรัฐบาล  มั่นใจสู้คดียึดข้อกฎหมายช่วยทำให้รัฐประหยัดเงินกว่า 3 หมื่นล้าน 

 

หลังจากศาลปกครองสูงสุด มีคำสั่งกลับคำสั่งของศาลปกครองชั้นต้นเป็นให้รับคำขอให้พิจารณา"คดีโฮปเวลล์"ใหม่ เมื่อวันที่4มีนาคม 2565  นายพีระพันธ์ สาลีรัฐวิภาค ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ภายหลังเข้ารับฟังคำสั่งศาลปกครองสูงสุดในคดีโฮปเวลล์ ว่า

 

หลังศาลให้พิจารณา"คดีโฮปเวลล์"หม่ กระบวนการก็จะกลับไปพิจารณาใหม่ ซึ่งเราโต้แย้งว่าคดีขาดอายุความ และการที่ใช้มติที่ประชุมใหญ่ศาลปกครองสูงสุดมาตัดสินในทางกฎหมายเราเห็นว่าไม่ถูกต้อง จึงยื่นเรื่องไปยังศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญเห็นว่าการที่ใช้มติที่ประชุมใหญ่ศาลปกครองสูงสุดมาตัดสินคดีนั้นไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ 

 

จึงนำคำตัดสินดังกล่าวมายื่นต่อศาลให้พิจารณาคดีโฮปเวลล์ใหม่ และวันนี้ศาลปกครองสูงสุดก็เห็นตรงกับเรา โดยให้มีการพิจารณาคดีใหม่ ในประเด็นข้อกฎหมายคือคดีขาดอายุความแล้วหรือยัง ส่วนการบังคับคดีก็จะต้องงดการบังคับคดีตามที่ศาลปกครองสูงสุดสั่ง

 

"ถือเป็นข่าวดี เพราะอย่างน้อยที่ต่อสู่กันมาไม่รู้กี่ปีเราก็ไม่เคยประสบความสำเร็จเลย นี่เป็นครั้งแรก ซึ่งต้องขอบคุณทุกคนที่เกี่ยวข้องทั้งเจ้าหน้าที่ ฝ่ายการเมือง รัฐมนตรีคมนาคม และนายกรัฐมนตรี ที่ให้โอกาสพวกเราทำงานต่อสู้กันอย่างเต็มที่ ซึ่งก็เป็นตัวอย่างในการร่วมมือกันทำงาน และก็ทำให้เห็นสิ่งที่ดีๆทางการเมืองเหมือนกัน หากใช้การเมืองในการร่วมมือกันทำให้เกิดประโยชน์กับบ้านเมือง”นายพีระพันธ์ กล่าวและว่า ถือเป็นผลงานชิ้นโบว์แดงของรัฐบาลนี้เพราะอย่างน้อยก็ประหยัดเงินไปกว่า 3 หมื่นล้านบาท

 

ด้านนายนิติธร ล้ำเหลือ ทนายความ กล่าวว่า หลังจากนี้ต้องกลับมาพิจารณาคดีโฮปเวลล์ใหม่เริ่มที่ศาลปกครองชั้นต้น ซึ่งประเด็นปัญหาในข้อเท็จจริงจบไปแล้ว เท่ากับว่าวันนี้จะมีเฉพาะประเด็นข้อกฎหมายเท่านั้น  จึงต้องรอว่าศาลปกครองกลางจะกำหนดนัดอย่างไร และต้องถือเป็นโอกาสประเทศไทย เพราะยังมีอีกหลายเรื่องที่มีลักษณะคล้ายแบบนี้

 

เมื่อถามว่าโอกาสที่เราจะไม่ต้องจ่ายเงินในคดีโฮปเวลล์มีมากน้อยแค่ไหน นายนิติธร กล่าวว่า ขณะนี้คิดว่าเราก็ทำให้เห็นชัดเจนมาโดยลำดับ ทั้งศาล ประชาชน และรัฐบาล โดยเฉพาะนายกฯ และรมว.คมนาคมก็เต็มที่ ฉะนั้นเรื่องนี้ก็คงไม่เป็นปัญหาอะไร และถ้าตอบโดยอิงข้อกฎหมายคิดว่าเราก็น่าจะประสบผลสำเร็จ