“ธรรมนัส”ชี้ไทยพัฒนาได้เท่าสวิตเซอร์แลนด์หากผู้นำมีวิสัยทัศน์

14 ก.พ. 2565 | 06:27 น.

“ธรรมนัส”โพสต์คลิปท่องเที่ยวประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ชี้ประเทศไทยสามารถพัฒนาได้เท่าเทียมกับสวิตเซอร์แลนด์ หากเรามีผู้นำที่มีความพร้อมและมีวิสัยทัศน์ดี

ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส.พะเยา พรรคเศรษฐกิจไทย โพสต์เฟซบุ๊กคลิปท่องเที่ยวประเทศสวิตเซอร์แลนด์ พร้อมระบุข้อความว่า สวิตเซอร์แลนด์ ฟื้นตัวและเติบโตได้ เพราะมีผู้นำที่มีความพร้อมและมีวิสัยทัศน์ดี 

 

โดยผมมีโอกาสเดินทางไปเรียนรู้งานที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เพื่อนำกลับมาพัฒนาประเทศไทย ซึ่งสวิตเซอร์แลนด์ ถูกขนานนามว่า เป็นเมืองแห่งการท่องเที่ยวที่สวยที่สุด ว่าเขาฟื้นตัวอย่างไร และพัฒนาสถานที่ท่องเที่ยวของเขาอย่างไรให้เป็นจุดมุ่งหมายของนักท่องเที่ยวทั่วโลก 

“ผมเชื่อว่า ประเทศไทยนั้น สามารถพัฒนาได้เท่าเทียมกับ สวิตเซอร์แลนด์ หากเรามีผู้นำที่มีความพร้อมและมีวิสัยทัศน์ดี” ร.อ.ธรรมนัส ระบุ


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้(14 ก.พ.65)  คณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) จะมีการประชุมเพื่อพิจารณามติพรรคพลังประชารัฐ ขับ 21 ส.ส.กลุ่ม ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ออกจากพรรคว่า ทาง กกต. จะมีมติรับรองหรือไม่ หลังกรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ มีมติขับ ส.ส.กลุ่ม ร.อ.ธรรมนัส พ้นจากสมาชิกพรรค เมื่อวันที่ 19 ม.ค.65 และต้องหาพรรคใหม่สังกัดให้ได้ภายใน 30 วันคือ วันที่ 18 ก.พ.นี้ มิฉะนั้น จะสิ้นสภาพ ส.ส. ซึ่งถ้ากกต.รับรอง ก็ไม่มีปัญหาอะไร แต่ถ้าไม่รับรอง จะทำให้ ส.ส.ที่เข้าสังกัดพรรคเศรษฐกิจไทยแล้ว มีปัญหาทันที เพราะเป็นสมาชิกพร้อมกัน 2 พรรค

นายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีตกรรมการการเลือกตั้ง โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวถึงกรณีนี้ว่า การวินิจฉัยของ กกต.ในวันนี้ ออกได้ 2 ทาง คือ ทางแรก มติของพรรคที่ให้ ส.ส. ทั้ง 21 คนออกจากพรรค เป็นมติที่ชอบด้วยกฏหมายแล้ว ในกรณีนี้ไม่เป็นปัญหา โดย ส.ส. ทั้ง 21 คนต้องหาพรรคใหม่สังกัดใน 30 วันและ 18 คนที่สมัครเข้าพรรคเศรษฐกิจไทย ตั้งแต่วันที่ 20 มกราคม 2565 มีผลทำให้ชื่อไปอยู่พรรคใหม่ โดยสมบูรณ์

 

แต่ทางที่ 2 ในกรณีที่ กกต. วินิจฉัยว่า การลงมติไม่ชอบด้วยกฎหมาย ตามมาตรา 42 ของ พ.ร.ป.พรรคการเมือง หากพบว่า มติของพรรคขัดต่อกฎหมาย ให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง มีอำนาจสั่งเพิกถอนมติดังกล่าวได้ โดยการเพิกถอนมติ หมายถึง มติดังกล่าวไม่มีผลบังคับ นั่นหมายความถึง 21 คนยังมีสถานะเป็นสมาชิกพรรคพลังประชารัฐอยู่ ทำให้ความยุ่งยากอยู่ที่ 18 คน ได้สมัครเป็นสมาชิกพรรคเศรษฐกิจไทยแล้ว เมื่อวันที่ 20 ม.ค.65 ตามหนังสือตอบของ กกต. ที่มีต่อการสอบถามจากเลขาธิการสภาผู้แทน ลงวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2565 ส.ส.18 คนดังกล่าว จึงอาจมีสถานะการเป็นสมาชิกพร้อมกันสองพรรคในวันที่ กกต.วินิจฉัย

 

โดยตาม มาตรา 26 ของ พ.ร.ป.พรรคการเมือง กำหนดว่า หากนายทะเบียน (เลขาธิการ กกต.) พบว่า มีการซ้ำซ้อนของสมาชิกพรรคการเมือง ให้แจ้งกลับหัวหน้าพรรค ให้ลบชื่อผู้นั้นออกจากการเป็นสมาชิกพรรค โดยเป็นการแจ้งเมื่อพบ ซึ่งหมายความว่า ต้องแจ้งในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2565 หาก 18 คนนั้น มีสถานะเป็นสมาชิกพรรคเศรษฐกิจไทยด้วย 

 

ดังนั้น การลบชื่อสมาชิกที่ซ้ำซ้อน ทำให้ขาดคุณสมบัติการเป็น ส.ส. มิใช่การลงมติขับที่เปิดโอกาสให้หาพรรคใหม่ใน 30 วัน แปลว่า 18 คน อาจหลุดจาก ส.ส. โดยไม่เข้าเงื่อนไขถูกขับตามมาตรา 101(9) ของรัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นหลุดจากการเป็นสมาชิกซ้ำซ้อน 2 พรรค