“จุรินทร์”เชื่อคนที่เหลือ ยังเหนียวแน่นกับปชป. หลัง“นิพิฏฐ์” ลาออก

07 ธ.ค. 2564 | 03:34 น.

“จุรินทร์” มั่นใจคนที่เหลือยังยึดอุดมการณ์และเหนียวแน่นกับพรรคปชป. หลัง “นิพิฏฐ์” ลาออก ระบุ คนมาแทนรองหัวหน้าพรรค ดูแลภาคใต้ ต้องใช้เสียงโหวตตามกติกาของพรรค

วันที่ 7 ธ.ค. 2564 นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์  หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์  รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์  ให้สัมภาษณ์ในเรื่องขวัญและกำลังใจของคนในพรรคประชาธิปัตย์ว่า ตนมีความมั่นใจว่าคนที่อยู่กับพรรคก็ยึดมั่นในอุดมการณ์และยังแน่นเหนียวอยู่กับพรรค เพราะคนส่วนใหญ่ก็ยังอยู่กับพรรค นอกจากนี้ยังมั่นใจว่าพรรคยังเดินหน้าไปได้ และเราก็กำลังเดินหน้าไปได้ด้วยดี แม้จะมีปัญหาอุปสรรคบ้าง พรรคก็ต้องฟันฝ่าไป คนที่อยู่ในพรรคก็จะต้องจับมือกันเดินไปข้างหน้า ในภาพรวมทั่วไปก็เชื่อว่าประชาชนสามารถแยกแยะได้ว่าผู้ที่ออกไปแต่ละคนนั้นเป็นปัญหาอุดมการณ์ของพรรคหรือเป็นปัญหาส่วนตัว แต่ละคนก็เป็นแต่ละกรณีไป 

 

ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีตำแหน่งของนายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ ที่เกี่ยวข้องกับกระทรวงพาณิชย์นั้น หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าวว่า ท่านนิพิฏฐ์เป็นผู้ช่วยรัฐมนตรี หลังจากที่ท่านลงแข่งตำแหน่งรัฐมนตรีและแพ้เสียงโหวตในพรรคแล้ว พรรค รวมทั้งตนด้วย ก็แต่งตั้งให้ท่านเป็นผู้ช่วยรัฐมนตรีของรองนายกรัฐมนตรี ซึ่งถือว่าเป็นตำแหน่งที่ดีที่สุดเท่าที่พรรคมี และจะให้ได้รองจากตำแหน่งรัฐมนตรี แต่ลาออกหรือยังนั้น สุดท้ายยังไม่ได้ตรวจสอบ
 

“จุรินทร์”เชื่อคนที่เหลือ ยังเหนียวแน่นกับปชป.  หลัง“นิพิฏฐ์” ลาออก

ผู้สื่อข่าวถามว่าวานนี้ที่นายนิพิฏฐ์ มาลาออกที่พรรค ได้แจ้งให้ทราบมาก่อนหรือไม่นั้น หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าวว่า ทราบจากข่าว เจ้าหน้าที่พรรคก็แจ้งให้ทราบว่าท่านไปลาออกจากพรรคเมื่อวาน ส่วนตำแหน่งผู้ช่วยรัฐมนตรีที่พรรคตั้งให้เป็นตั้งแต่ต้น ตั้งแต่เข้าร่วมรัฐบาลใหม่ๆ นั้น ตนไม่ทราบว่าท่านลาออกหรือยัง ยังไม่ได้ตรวจสอบ

 

ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีการเลือกรองหัวหน้าพรรค ที่ดูแลภาคใต้ ระหว่างนายชินวรณ์ บุญยเกียรติ และนายเดชอิศม์ ขาวทอง มีความดุเดือด จะส่งผลต่อพรรคหรือไม่นั้น หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าวว่า พรรคประชาธิปัตย์มีกฎเกณฑ์ กติกา และมีวิถีทางประชาธิปไตยในพรรค เพราะฉะนั้นถ้าตำแหน่งไหนที่มีผู้สนใจลงสมัครเกิน 1 คน ก็จะต้องลงคะแนนกันในพรรค ซึ่งไม่สามารถมีใครที่จะไปชี้ได้ว่าคนนั้นเป็น คนนี้เป็น หรือคนนั้นไม่เป็น คนนี้ไม่เป็น ยกเว้นเหลือคนเดียว ถ้าคนเดียวพรรคก็ต้องพิจารณาลงมติเหมือนกันว่าเห็นชอบ หรือไม่เห็นชอบ เป็นไปตามวิถีประชาธิปไตยในพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งตนคิดว่ามันก็เป็นข้อดีและเป็นกติกาที่เรายึดถือมาเนิ่นนาน ประชาธิปัตย์ถึงอยู่ได้มา 7-80 ปี เพราะเรามีกฎเกณฑ์ กติกาที่มีความชัดเจนแน่นอน และทุกคนก็ยอมรับกติกา

ผู้สื่อข่าวถามว่า ยุคนี้ไม่ถือว่าเป็นยุคที่ประชาธิปัตย์ตกต่ำใช่หรือไม่ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าวว่า ถ้าจะบอกว่าถ้าได้ผู้แทนน้อยก็ถือว่าตกต่ำนั้น เราก็เคยทั้งตกต่ำ และหลังจากนั้นเราก็กลับมารุ่งเรือง แล้วก็ตกต่ำ แล้วก็กลับมารุ่งเรือง หลายครั้งหลายรอบ เที่ยวนี้ก่อนที่ตนมาเป็นหัวหน้าพรรค ประชาธิปัตย์เราเหลือ 50 เสียง จาก 159 หรือ 150 กว่า ก็ถือว่าได้น้อยลงมา หายไป 2 ใน 3 เหลือเพียง 1 ใน 3 โดยประมาณ แต่เมื่อตนเข้ามาแล้วก็พยายามที่จะเข้ามาทำหน้าที่ในการรวบรวมสรรพกำลังทั้งหลาย และเข้ามาฟื้นฟูพรรค มาถึงวันนี้เราก็ค่อยๆ ดีขึ้น ซึ่งมีทั้งคนเก่าที่เคยออกจากพรรคไปกลับมา และมีทั้งคนรุ่นใหม่เข้ามาร่วมงานกับพรรคเยอะเลย ถือว่าแคมเปญ “เลือดใหม่ไหลเข้า เลือดเก่าไหลกลับ” ประสบผลสำเร็จตามสมควร 

 

ผู้สื่อข่าวได้สอบถามถึงตัวผู้สมัครผู้ว่า กทม. ในนามพรรคประชาธิปัตย์ว่าจะเป็นบุคคลใดนั้น หัวหน้าพรรคกล่าวว่า วันที่ 13 ธ.ค.นี้จะได้มีการประชุม กก.บห. ในการพิจารณาส่งผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครของพรรค ซึ่งก็จะเห็นภาพคนรุ่นใหม่เดินเข้าพรรคอีกเช่นเดียวกัน