“ภูมิใจไทย”แจง"สำลี"หยุดปฎิบัติหน้าที่ส.ส.เป็นคดีพิพาทกับสถานบันเทิง

03 พ.ย. 2564 | 08:48 น.

“ภูมิใจไทย”แถลงชี้แจงหลังศาลรธน.สั่ง "สำลี รักสุทธี " หยุดปฎิบัติหน้าที่ส.ส. ไม่เกี่ยวคลิปเสียง เกิดจากคดีอาญาข้อหาบุกรุกช่วงปี 32-33 หลังเกิดข้อพิพาทกับสถานบันเทิงใกล้บ้านเสียงดังรบกวน

 

วันที่ 3 พ.ย.64 ที่รัฐสภา นายศุภชัย ใจสมุทร ส.ส.บัญชีรายชื่อ และนายทะเบียนพรรคภูมิใจไทย พร้อมด้วยนายสำลี รักสุทธี ส.ส.บัญชีรายขื่อ พรรคภูมิใจไทย แถลงกรณีศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้นายสำลีหยุดปฏิบัติหน้าที่ กรณีมีผู้ร้องกล่าวหาว่า นายสำลี ขาดคุณสมบัติที่จะเป็นส.ส.

 

โดยนายศุภชัย กล่าวว่า ประเด็นดังกล่าวมีการขยายความไปในลักษณะว่า เกิดจากข้อเท็จจริงเรื่องบันทึกคลิปเสียง ซึ่งไม่ใช่กรณีที่ศาลรับคำร้องไว้ แต่ข้อเท็จจริงคือ นายสำลี เคยมีคดีอาญาช่วงปี 2532 – 2533 กรณีที่นายสำลี มีบ้านพักใกล้สถานบันเทิงใน จ.มหาสารคาม ซึ่งมีการแสดงดนตรีสดส่งเสียงดังรบกวนจนเกิดข้อพิพาทกัน

 

กระทั่ง นายสำลี ได้เข้าไปที่สถานบันเทิงนั้น และถูกแจ้งความดำเนินคดีบุกรุกทำให้เสียทรัพย์ ท้ายที่สุดศาลได้พิพากษาลงโทษจำคุกนายสำลี 5 ปี แต่ให้รอลงอาญาไว้ 3 ปี โดยให้บำเพ็ญประโยชน์ตามเงื่อนไข ซึ่งนายสำลีไม่ได้เข้าเรือนจำแต่อย่างใด แต่เป็นโทษรอลงอาญาไว้

 

“เรื่องที่เกิดขึ้นจึงเป็นที่มาที่มีผู้ร้องว่ากรณีนี้ท่านขาดคุณสมบัติหรือพ้นสภาพสมาชิกหรือไม่ ทั้งนี้ เรื่องนี้เป็นช่วงเวลาก่อนที่ นายสำลี จะมาเป็นส.ส.พรรคภูมิใจไทย และวันนี้ศาลรัฐธรรมนูญก็ยังไม่ได้วินิจฉัยให้พ้นสมาชิกภาพ แต่ให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ เป็นเรื่องที่ท่านถูกโทษทางอาญาไม่ใช่เรื่องคลิปเสียงตามที่เป็นข่าว ซึ่งเรื่องคลิปเสียงไม่เคยเป็นคดีมาเลย หลังจากนี้นายสำลีก็จะต่อสู้คดีตามแนวทางต่อไป” นายศุภชัย ระบุ  

 

ด้าน นายสำลี กล่าวว่า ตรงพื้นที่บ้านของตนมีผับบาร์มาตั้งติดกับบ้านพัก ซึ่งมีการแสดงดนตรีสดเป็นเวลาหลายปี ตนได้รับความเดือดร้อนจากเสียงรบกวน และได้ร้องเรียน 3 ผู้ว่าฯ แต่ไม่มียุคสมัยใดแก้ปัญหาได้เลย ช่วงที่เกิดเหตุตนเป็นคนเขียนหนังสือจำหน่ายให้สำนักพิมพ์ ซึ่งทางสำนักพิมพ์กำหนดให้ส่งต้นฉบับให้เร็ว

 

แต่เมื่อมีเสียงรบกวนจากสถานบันเทิงดังกล่าว ทำให้ตนเขียนหนังสือไม่ได้จนเกิดความเครียดจนสติหลุดเข้าไปบุกร้านยามวิกาล ทำให้ถูกกล่าวหาว่าตนเข้าไปขโมยของ ขณะนั้น ทนายบอกให้ตนรับสารภาพก็จะไม่มีผลเรื่องการสมัครส.ส. ในที่สุดศาลตัดสินให้ลงโทษรอลงอาญา และศาลให้ตนบำเพ็ญประโยชน์ ซึ่งไม่เกี่ยวกับเรื่องคลิปเสียงแต่อย่างใด