ปชป. ไม่หวั่น ฝ่ายค้าน ยื่น ป.ป.ช. ตรวจสอบ"เฉลิมชัย"

04 ต.ค. 2564 | 07:44 น.

ราเมศ เผย“เฉลิมชัย” ไม่กังวล เหตุฝ่ายค้าน ยื่น ป.ป.ช. ตรวจสอบต่อเนื่องจากอภิปรายไม่ไว่้วางใจ มั่นใจ เลขาธิการพรรค ชี้แจงชัดเจนในทุกประเด็นไร้ทุจริต

วันที่ 4 ต.ค.2564 นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.)ได้กล่าวถึงกรณีที่ฝ่ายค้านยื่นหนังสือต่อ ป.ป.ช. เพื่อให้มีการตรวจสอบคณะรัฐมนตรี สืบเนื่องมาจากการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ว่า ในส่วนของนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน เลขาธิการพรรคในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ไม่มีความกังวลใจ เพราะจะเห็นได้ว่าฝ่ายค้านอภิปรายไม่ได้มีหลักฐานเรื่องทุจริตหรือผิดกฎหมายแต่อย่างใด และที่สำคัญในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ช่วงที่มีการอภิปรายไม่ไว้วางใจ นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้ชี้แจงชัดเจนในทุกประเด็น ยุติว่าในเรื่องการระบายยางครั้งที่ 3 มีกระบวนการที่ได้ดำเนินการถูกต้องตามกระบวนการ ไม่มีเรื่องทุจริตใด ๆ ทั้งสิ้น รัฐไม่ได้เสียหายแต่อย่างใด ที่สำคัญเป็นการปกป้องประโยชน์ของรัฐ เป็นผลดีต่อพี่น้องเกษตรกรชาวสวนยาง

 

นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน เลขาธิการพรรคปชป.

นายราเมศกล่าวต่อว่า ถ้าได้ติดตามข้อมูลของฝ่ายค้านที่ได้นำมาเสนอในการอภิปราย ล้วนแล้วแต่เป็นข้อมูลที่บิดเบือน ไม่ตรงกับความเป็นจริงทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นข้อเท็จจริงและภาพถ่ายที่นำมาประกอบเป็นคนละเรื่องกับข้อเท็จจริงในการระบายยางครั้งที่ 3 การดำเนินการของคณะกรรมการนโยบายยางธรรมชาติ คณะกรรมการการยางแห่งประเทศไทย เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องดำเนินการอย่างตรงไปตรงมา ยึดกระบวนการที่กฎหมายกำหนดอย่างเคร่งครัด กระบวนการในการเปิดประมูลไม่มีการทุจริต สอดคล้องกับความเห็นของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นของสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ กระทรวงการคลัง สภาพัฒน์ฯ และสำนักงานตรวจเงินแผ่นดินที่มีความเห็นให้การยางแห่งประเทศไทยเร่งระบายขายยางเพื่อลดภาระงบประมาณและนำเงินคืนสู่รัฐ
 

ผลจากการระบายยาง เกษตรกรชาวสวนยางได้ประโยชน์มีงบประมาณจากเงินกองทุนเพิ่มขึ้นเพื่อไปดูแลเกษตรกรปีละ 132 ล้านบาท เหตุเพราะเป็นการลดค่าใช้จ่ายการเก็บรักษาและค่าประกันภัยยางพารา ที่สำคัญราคาอย่างมีเสถียรภาพมากขึ้น รวมถึงการเพิ่มปริมาณการซื้อยางภายในประเทศ เหตุเพราะผู้ชนะการประมูลต้องซื้อยางเพิ่มขึ้น 104,763 ตัน ประโยชน์ต่อประเทศคือรัฐบาลได้เสริมสภาพคล่องจากการชำระคืนเงินต้นลดภาระรัฐบาลในการชดเชยอัตราดอกเบี้ยและค่าใช้จ่ายถึงปีละ 33 ล้านบาท และประหยัดงบประมาณในการรักษาเสถียรภาพราคายาง ทั้งหมดจึงไม่ใช่เรื่องน่ากังวล