พิลึก! “เพื่อไทย”สั่งห้ามส.ส.แหกมติพรรคโหวตซักฟอก แต่พปชร.เปิดส.ส.เสรี

30 ส.ค. 2564 | 12:40 น.

พิลึก! “เพื่อไทย”สั่งห้ามส.ส.แหกมติพรรคโหวตซักฟอก ถือเป็นโทษร้ายแรง ขณะที่ พปชร.เปิดวูดให้ส.ส.โหวตเสรี ถือเป็นเอกสิทธิ์

วันนี้(30 ส.ค.64) ที่พรรคเพื่อไทย นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย และส.ส.นครราชสีมา นายสุทิน คลังแสง ประธานวิปฝ่ายค้าน และส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย นส.อรุณี กาสยานนท์ โฆษกพรรคเพื่อไทย ร่วมแถลงข่าวเตรียมความพร้อมการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคลระหว่างวันที่ 31 ส.ค-3 ก.ย. และลงมติไว้วางใจหรือไม่ไว้วางใจในวันที่ 4ก.ย.

 

โดยนายประเสริฐ เป็นตัวแทนพรรคอ่านหนังสือของนายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ที่ระบุว่า ขอให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของพรรคทุกท่านปฏิบัติตามมติของพรรคในการลงมติ ไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล ตามที่พรรคเพื่อไทยและพรรคร่วมฝ่ายค้าน ได้ยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไป เพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล โดยมีรัฐมนตรีที่ถูกยื่นอภิปรายรวม 6 คน รายละเอียดตามญัตติที่อ้างถึงนั้น

 

"เพื่อให้การตรวจสอบฝ่ายบริหารด้วยการยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจข้างต้น เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และเป็นไปตามญัตติที่พรรคได้เสนอไป จึงขอให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของพรรคได้ปฏิบัติหน้าที่ของตนในการลงมติให้เป็นไปตามแนวทางและนโยบายของพรรคด้วยการลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีทุกคนที่ถูกอภิปราย"

 

ทั้งนี้ หากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของพรรคท่านใดฝ่าฝืนไม่มาประชุมเพื่อลงมติหรือลงมติที่ผิดไปจากนโยบายของพรรคข้างต้น พรรคถือว่าสมาชิกผู้นั้นกระทำการอันเป็นการผิดวินัยและจริยธรรมของการเป็นสมาชิกพรรคอย่างร้ายแรง ซึ่งมีโทษถึงขั้นให้พ้นจากสมาชิก โดยพรรคจะดำเนินการตามข้อบังคับพรรค อย่างเด็ดขาดต่อไป จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบและถือปฏิบัติโดยเคร่งครัด

                             พิลึก! “เพื่อไทย”สั่งห้ามส.ส.แหกมติพรรคโหวตซักฟอก แต่พปชร.เปิดส.ส.เสรี

นายประเสริฐ กล่าวอีกว่า พรรคมีมติว่า ส.ส.พรรคเพื่อไทย ต้องลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีไปในแนวทางเดียวกัน คือ ไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีทั้ง6 คน หากท่านใด ไม่โหวตตามมติพรรค นอกจากไม่สามารถตอบพี่น้องประชาชนได้แล้ว เราจะดำเนินการตามข้อบังคับพรรค ตามที่นายสมพงษ์ ได้ออกหนังสือเอาไว้ การลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีนั้น ส.ส.ห้ามป่วย ห้ามลา ห้ามขาดการประชุม

 

พรรคเพื่อไทยหวังให้การอภิปรายครั้งนี้ มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง เปลี่ยนนายกฯและรัฐมนตรี โดยพรรคเพื่อไทย ได้เปิดยุทธการ หยุดยุทธ หยุดโอหัง คลั่งอำนาจ หยุดความพินาศของประเทศ ความหมายก็ชัดเจน ไม่ต้องการให้พล.อ.ประยุทธ์ ได้บริหารราชการแผ่นดิน ที่ผิดพลาดล้มเหลว ทำให้ประชาชนได้รับความเสียหายอีกต่อไป

 

นอกจากนี้เรายังเปิดแคมเปญ ไล่ประยุทธ์ ตามที่ได้เชิญขวนให้ประชาชน ร่วมลงชื่อผ่านเว็บไซต์เพื่อร่วมกันขับไล่ประยุทธ์

 

นายสุทิน กล่าวว่า การอภิปรายไม่วางใจที่จะเริ่มตั้งแต่วันที่31ส.ค. พรรคฝ่ายค้านได้เตรียมไว้เป็นลำดับ มีความพร้อม ใช้ผู้อภิปรายทั้งหมดประมาณ 34 คน แบ่งเป็น ผู้อภิปรายจากพรรคเพื่อไทย 19 คน ก้าวไกล 6 คน เสรีรวมไทย 3 คน ประชาชาติ 2 คน เพื่อชาติ 1คน พลังปวงชนไทย 1 คน และอาจบวกเพิ่มที่มีนายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเศรษฐกิจใหม่ นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคไทยศรีวิไลย์ ที่อาจจะร่วมอภิปรายด้วย

 

โดยเวลากว่า 40 ชั่วโมง อยู่ที่นายก นายอนุทิน 33 ชั่วโมง ส่วนรัฐมนตรีอีก4คนๆละ ชั่วโมงเศษ ในเวลาที่มีการจัดสรร ก็ขอชวนพี่น้องประชาชนติดตาม เริ่มอภิปราย โดยนายสมพงษ์ แถลงเปิดอภิปราย นายประเสริฐ ขยายความ จากนั้นเป็นลำดับหน้าพรรคก้าวไกล เสรีรวมไทย โดยนายกรัฐมนตรีจะถูกอภิปรายก่อน ตามต่อด้วยนายอนุทิน นายศักดิ์สยาม นายสุชาติ นายเฉลิมชัย นายชัยวุฒิ

ในการอภิปรายไม่ไว้วางใจ มั่นใจว่าจะจบการอภิปราย วันสุดท้ายวันที่ 3ก.ย.เวลาประมาณ 23.00น. แล้วไปลงมติในวันที่ 4 ก.ย. สำหรับการอภิปรายครั้งนี้ เราพยายามจะบอกว่า หายนะรอวันข้างหน้า ทางออก ไม่มีอื่นใด ต้องได้ผู้บริหารที่สู้กับวิกฤติและหยุดหายนะให้ได้ ซึ่งเป็นเป้าหมายที่เราต้องทำให้ได้

 

เมื่อถามว่าแม้พรรคเพื่อไทยให้ส.ส.ลงมติไปในทางเดียวกัน แต่พรรคร่วมฝ่ายค้านพรรคอื่น ได้พูดคุยเพื่อให้เป็นไปตามแนวทางนี้หรือไม่ นายสุทินกล่าวว่า ไม่ได้พูด แต่เข้าใจว่า คงไม่มีอะไรแตกต่างไปจากนี้ เราเชื่อมั่นและเชื่อว่า คงมีมติภายในพรรค เพื่อไปในทิศทางเดียวกันอย่างแน่นอน

 

วันเดียวกัน ที่ทำการพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมส.ส.พรรค เมื่อเวลา15.00 น. นายวิรัช รัตนเศรษฐ รองหัวหน้าพรรคพปชร. ในฐานะวิปรัฐบาล และนายไพบูลย์ นิติตะวัน รองหัวหน้าพรรคพปชร. เป็นประธานการประชุม นายวิรัช ได้ชี้แจงในห้องประชุมว่ามีองครักษ์พิทักษ์ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นส.ส.ของพรรค 20 คน

 

โดยในช่วงหนึ่ง นายไพบูลย์ ได้อ่านข้อบังคับพรรคให้ที่ประชุมรับทราบ ถึงเรื่องการโหวตในการอภิปรายไม่ไว้วางใจ พร้อมกับย้ำว่า “ส.ส.มีเอกสิทธิ์แต่ต้องดำรงไว้ซึ่งฐานะสมาชิกพรรค"  

 

ทั้งนี้ นายวิรัช ให้สัมภาษณ์ถึงทิศทางการในลงมติอภิปรายไม่ไว้วางใจ หากเกิดกรณีมีส.ส.โหวตสวนกับแนวทางพรรคจะทำอย่างไร ว่า ในที่ประชุมมีการกำชับเฉพาะในส่วนของผู้ดูแลระหว่างการอภิปราย เตรียมไว้ประมาณ 20 คน ส่วนของพรรคภูมิใจไทย 10-15 คน พรรคประชาธิปัตย์มีประมาณ 10 คน และยังมีหลายพรรคที่ต้องร่วมด้วย ส่วนท่าทีการโหวตน่าจะเป็นในทิศทางเดียวกัน พูดได้เท่านี้ อย่างไรก็ตาม การอภิปรายของฝ่ายค้านเราก็ต้องฟังข้อมูล แล้วนำมาวินิจฉัยพิจารณากัน แต่ถึงอย่างไรจะไปในทิศทางเดียวกัน ถึงอย่างไรก็ต้องดูแลพรรคร่วมรัฐบาล

 

เมื่อถามว่า ได้มีการกำชับในเรื่องผลโหวตและมีบทลงโทษอะไรหรือไม่ในกรณีแหกมติพรรคนายวิรัช กล่าวว่า “มันจะไปพูดอย่างนั้นในนาทีนี้ไม่ได้หรอก เพราะการจะไปกำหนดหรือคาดโทษอะไร เราก็ค่อยๆ คุย ค่อยๆ พูดกันดีกว่า ผมว่าทุกครั้งที่ผ่านมาก็ถือว่าดีแล้ว ดีมาก และดีที่สุด มี 3 ตัวเลือกเท่านั้นแหละ”

 

เมื่อถามว่ายืนยันจะควบคุมสถานการณ์ได้ใช่หรือไม่ นายวิรัช กล่าวว่า สถานการณ์ไม่น่าจะมีอะไรหรอก แต่ข่าวที่ออกมาบางครั้งทำให้ตื่นเต้นหวือหวา ก็เหมือนหนังไตเติ้ล โหมโรง ก็ว่ากันไป แต่ไม่มีใครให้สัมภาษณ์ในลักษณะนี้ และตนพยายามไม่ให้สัมภาษณ์ เพราะประเด็นที่ให้สัมภาษณ์ไปบางครั้งเกิดผิดพลาดอะไรขึ้นมาก็มองเหมือนกับว่าพรรคร่วมรัฐบาลอาจจะแตกแยกหรืออะไร ทั้งที่ไม่มีอะไรเลย พรรคร่วมรัฐบาลยังรักกันมั่นคง เหนียวแน่น

 

เมื่อถามว่า พล.อ.ประวิตร กำชับอะไรมาหรือไม่ นายวิรัช กล่าวว่า พล.อ.ประวิตร ก็จะไปอยู่ประจำที่รัฐสภาทุกวัน ไปให้กำลังใจนายกรัฐมนตรี

 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า รายชื่อองครักษ์พิทักษ์นายรัฐมนตรี อาทิ นายไพบูลย์ นายสิระ เจนจาคะส.ส.กทม. , นายรงค์บุญสวยขวัญ ส.ส.นครศรีธรรมราช , นายสายัณห์ ยุติธรรมส.ส.นครศรีธรรมราช , นายกรุงศรีวิไล สุทินเผือก ส.ส.สมุทรปรการ , นายนิโรธ สุนทรเลขาส.ส.นครสวรรค์ เป็นต้น