ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันพุธที่ 18 ก.พนี้ เวลา 13.00 น. ที่กองบังคับการตำรวจปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ คณะทีมวอร์รูมฝ่ายกฎหมายคณะกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี คณะทำงานสนับสนุนผู้ถูกยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ(สสอ.) นำโดย นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี หรือ แรมโบ้ นายทศพล เพ็งส้ม และคณะ จะเดินทางไปแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษ นางสาวอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ข้อหาตามพรบ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ ตามมาตรา14
นายนายสุภรณ์ กล่าวถึงนางสาวอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล โพสต์ในเฟซบุ๊กส่วนตัวมีเนื้อหานายกฯ ช่างไร้ค่า น่ารังเกียจ ที่อยู่มาได้ถึง 7 ปีนี่ ไม่ใช่เพราะเก่งมากหรือกล้ามากแต่เพราะด้านมาก นางสาวอมรัตน์ เข้าใจผิดอะไรหรือไม่ หรือไม่ทราบว่านายกฯเข้ามาบริหารประเทศถูกต้องตามกฎหมาย และตลอด 7 ปีของการบริหารราชการแผ่นดินนายกฯได้แก้ปัญหา พัฒนาประเทศมากมาย โดยไม่มีนายกฯคนใดทำได้
ส่วนเนื้อหาของการอภิปรายของนางสาวอมรัตน์เมื่อวานนี้ โดยเฉพาะประเด็นบ้านพักนายกฯ รวมถึงการจ่ายค่าน้ำ ค่าไฟ และเทียบเคียงกับคำพิพากษาศาลฎีกา 21/2536 คดีระหว่างธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ดและกรมสรรพากร ตนเองมองว่าเป็นคนละเรื่องกัน และเรื่องนี้มีคำวินิจฉัยของประธานศาลรัฐธรรมนูญไปแล้วว่าว่า ทบ.ได้สนับสนุนงบประมาณค่ากระแสไฟฟ้าและน้ำประปาในการใช้งานบ้านพักรับรอง โดยพิจารณาตามความจำเป็นและเหมาะสม และเป็นไปตามดุลพินิจของ ทบ. ที่มีอำนาจพิจารณาตามระเบียบปี 2548
นายสุภรณ์ ยังมองว่าเนื้อหาการอภิปรายฯของนางสาวอมรัตน์ยังเป็นเนื้อหาเดิมๆ นำมาจากข้อมูลแหล่งข่าวที่บิดเบือนไม่มีสาระข้อเท็จจริงมาอภิปรายฯ แต่อยากจะอาศัยใช้เวทีนี้ด่าทอนายกฯ เล่นการเมืองไม่สร้างสรรค์ ไม่สมกับเป็น ส.ส. ทั้งนี้ตนเองและฝ่ายกฎหมายได้หารือกันเตรียมดำเนินคดีกับนางสาวอมรัตน์ ในข้อหาหมิ่นประมาท และผิด พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์ ที่โพสต์ข้อความใส่ร้ายป้ายสีนายกฯ
"ขอแนะนางสาวอมรัตน์ และพรรคก้าวไกล หากอยากเข้ามาเป็นรัฐบาลจนตัวสั่น ก็ขอให้ไปพัฒนาตัวเองหรือพรรคก่อน มีสติเล่นการเมืองให้สร้างสรรค์กว่านี้ ไม่ใช่จะออกมาด่าคนอื่น หรือ จาบจ้วงสถาบันอย่างเดียว โดยไม่ทำประโยชน์เพื่อบ้านเมืองเลย จนคนเกือบทั้งประเทศเกลียดชัง ซึ่งคนประเภทนี้มองว่าอย่าหวังแต่จะเข้ามาบริหารประเทศเลย เลือกตั้งครั้งหน้าประชาชนจะให้ความไว้วางใจเข้ามาทำหน้าที่ในสภาฯอีกหรือไม่ก็ไม่รู้ ตนจึงมีความจำเป็นต้องให้ฝ่ายกฎหมายดำเนินคดีให้เข็ดหลาบไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างต่อคนอื่น ในพฤติกรรมก้าวร้าวใส่ร้ายป้ายสี ไม่ยึดหลักฎหมายบ้านเมืองเลยสักนิด"