เช้าวันนี้ (16 ก.พ.) น.ส.ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล หรือ รุ้ง แกนนำแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม ได้เริ่ม กิจกรรมอภิปรายนอกสภา แล้ว โดยวัตถุประสงค์ของการนัดจัดกิจกรรมครั้งนี้ ก็เพื่อตอกย้ำ 3 ข้อเรียกร้องของกลุ่ม คือ
1.ขับไล่ พล.อประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และองคาพยพ
2.แก้ไขรัฐธรรมนูญ
3.ปฏิรูปสถาบันฯให้อยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญตามระบอบประชาธิปไตย เพื่อเปลี่ยนแปลงประเทศไปสู่การเป็นประชาธิปไตยอย่างแท้จริง
นอกจากนี้ ยังเพื่อเรียกร้องให้รัฐปล่อยตัว 4 แกนนำที่ถูกตำรวจจับกุมตัวไปก่อนหน้านี้
“ฐานเศรษฐกิจ” จะติดตามนำเสนอความคืบหน้าของสถานการณ์และอัพเดทข้อมูลอย่างต่อเนื่อง โปรดติดตาม
วันที่ 16 ก.พ.
น.ส.ปนัสยา ประกาศเดินสายไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการยุติธรรม ประกอบด้วยศาลรัฐธรรมนูญ กระทรวงยุติธรรม ศาลอาญา สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และสำนักนายกรัฐมนตรี เพื่อยื่น “จดหมายเปิดผนึก” ถึงผู้เกี่ยวข้องกับกระบวนการยุติธรรม เรียกร้องให้มีความเป็นกลางในการพิจารณาและดำเนินคดีความ โดยระลึกถึงประชาชนอยู่เสมอ และธำรงไว้ซึ่งความยุติธรรม ตั้งมั่นอยู่บนพื้นฐานของกระบวนการยุติธรรม
สืบเนื่องจากการที่พนักงานอัยการสั่งฟ้องแกนนำ 4 คน ประกอบด้วย นายอานนท์ นำภา นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ ( เพนกวิน) นายสมยศ พฤกษาเกษมสุข และนายปติวัฒน์ สาหร่ายแย้ม (หมอลำแบงก์) กรณีชุมนุม 19 กันยาทวงอำนาจคืนราษฎรที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ และท้องสนามหลวง ในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 และมาตรา 116 ซึ่งศาลไม่อนุญาตให้ประกันตัว ทำให้ผู้ต้องหาทั้งหมดถูกคุมขังในเรือนจำพิเศษกรุงเทพ
เวลาประมาณ 12.00 น. น.ส. ปนัสยา เดินทางถึงศาลรัฐธรรมนูญ ก่อนอ่านจดหมายเปิดผนึก ซึ่งเนื้อหาระบุ ว่า
จดหมายเปิดผนึกถึงผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับกระบวนการยุติธรรม ส่วนหนึ่งของจดหมายระบุ ประชาชนจำนวนมากเข้าร่วมกันชุมนุมโดยสงบ สันติ และปราศจากอาวุธ เพื่อเรียกร้อง 3 ข้อ คือ 1.ขับไล่ พล.อประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และองคาพยพ 2.แก้ไขรัฐธรรมนูญ และ 3.ปฏิรูปสถาบันฯให้อยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญตามระบอบประชาธิปไตย เพื่อเปลี่ยนแปลงประเทศนี้ให้ไปสู่การเป็นประชาธิปไตยอย่างแท้จริง เพราะจะเกิดความเท่าเทียมกันทั้งในศักดิ์ศรี และโอกาสของประชาชนทุกคน
แต่สิ่งที่เลวร้ายและขัดต่อหลักสิทธิมนุษยชนมากที่สุดก็ คือ การปฏิเสธสิทธิ ไม่ให้ นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือเพนกวิน นายอานนท์ นำภา นายสมยศ พฤกษาเกษมสุข และ นายปติวัฒน์ สหรายแย้ม ได้รับการประกันตัว หลังถูกควบคุมตัวในข้อหากระทำผิดกฎหมายอาญา มาตรา 112 จนเป็นเหตุให้แกนนำราษฎรทั้ง 4 คน ยังอยู่ในเรือนจำพิเศษกรุงเทพ
หลังจากนั้น ได้ยื่นจดหมายเปิดผนึกต่อเจ้าหน้าที่ พร้อมให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวว่า เตรียมใจไว้แล้วที่จะเดินทางไปฟังคำสั่งอัยการคดีเดียวกันในวันพรุ่งนี้ (17 ก.พ.) เพราะตนเองมีธงชัดเจนแล้วที่จะถูกคุมขัง แต่เชื่อว่าจะไม่กระทบต่อการเคลื่อนไหวของกลุ่มราษฎรที่จะเดินหน้าต่อไปตามเป้าหมายที่กำหนดไว้
ส่วนเหตุการณ์รุนแรงที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 13 ก.พ.ที่ผ่านมา เป็นเรื่องที่ไม่คาดคิดและไม่สามารถควบคุมได้ หลังจากนี้แกนนำจะมีมาตรการที่รัดกุมมากขึ้นเพื่อไม่ให้เกิดเหตุรุนแรงขึ้นได้อีก ขณะเดียวกันกลุ่มราษฎรเตรียมจัดกิจกรรมอภิปรายนอกสภาในช่วงที่มีการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ส่วนการนัดชุมนุมในวันที่ 20 ก.พ.จะมีขึ้นอย่างแน่นอนแต่ยังไม่สามารถบอกรายละเอียดได้
ช่วงสาย ด้านหน้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) ซึ่งเป็นอีกจุดที่กลุ่มของน.ส.ปนัสยา ประกาศว่าจะเดินทางมา ได้มีการจัดกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจจากสถานีตำรวจนครบาลปทุมวัน มาดูแลความเรียบร้อยบริเวณทางเข้า พร้อมวางแผงเหล็กกั้น ซึ่งขณะนี้ประตูทางเข้าออกทั้งสองฝั่งยังไม่มีการปิดประตูรั้ว นอกจากนี้ มีกำลังตำรวจกองบังคับการอารักขาและควบคุมฝูงชน กองบัญชาการตำรวจนครบาล มาประจำอยู่ภายในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และทางเจ้าหน้าที่ได้มีการเตรียมรถเครื่องขยายเสียงไว้จำนวน 1 คัน โดยมีกำลังเจ้าหน้าที่คอยดูแลความสงบเรียบร้อย ความปลอดภัยสถานที่
วันเดียวกันนี้ เวลาประมาณ 09.00 น. ที่บริเวณลานอนุสรณ์วีรชนคนโคราช ข้างอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี อ.เมือง จ.นครราชสีมา มี “กิจกรรมคู่ขนาน” จัดโดยคณะราษฎร นำโดยนายจตุภัทร์ บุญภัทรรักษา หรือไผ่ ดาวดิน พร้อมด้วยแนวร่วมกลุ่มพีเพิลโก (PEOPLE GO) กว่า 100 คน รวมกลุ่มกันเดินเท้าระยะทางไกล มีจุดหมายคือทำเนียบรัฐบาล ภายใต้ชื่อกิจกรรม "เดินทะลุฟ้า คืนอำนาจประชาชน" เพื่อขับไล่รัฐบาล และเรียกร้องให้ปล่อยตัวแกนนำคณะราษฎร 4 คน ที่ถูกคุมขังและไม่ได้รับการประกันตัว
การเดินเท้าระยะทางไกลเพื่อประท้วงรัฐบาลครั้งนี้ มีนางสาวทราย เจริญปุระ ผู้สนับสนุนหลักของกลุ่มคณะราษฎร ร่วมเดินอยู่ในขบวนด้วย โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจจาก สภ.เมืองนครราชสีมา ทั้งในและนอกเครื่องแบบกว่า 40 นาย กระจายอยู่ตามจุดต่าง ๆ เพื่อรักษาความสงบเรียบร้อย
ก่อนการเดินขบวน ได้มีการอ่านแถลงการณ์วัตถุประสงค์ของการเดินทาง ซึ่งก็คือการปล่อยตัวแกนนำ 4 คน และย้ำข้อเรียกร้อง 3 ข้อของคณะราษฎรดังระบุไปแล้วข้างต้น จากนั้นคณะทั้งหมดได้จัดขบวนเดินไปบนถนนราชดำเนิน เลี้ยวเข้าสู่ถนนมิตรภาพ มุ่งหน้าสู่กรุงเทพมหานคร โดยมีการถือธงสีส้มที่ข้อความว่า "ปล่อยเพื่อนเรา และต้องไม่จับเพิ่ม" โบกไปตลอดเส้นทาง
นายจตุภัทร์ บุญภัทรรักษา หรือ "ไผ่ ดาวดิน" กล่าวว่า กิจกรรม"เดินทะลุฟ้า คืนอำนาจประชาชน" มีกำหนดจะเดินทางเป็นระยะทาง 247.5 กิโลเมตรจากโคราชถึงกทม. เฉลี่ยวันละ 16 กิโลเมตร โดยใช้ระยะเวลาทั้งสิ้น 15 วัน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
เปิดศึกซักฟอก“นายกฯ - 9 รมต.”วันนี้ จัด 38 ขุนพลถล่ม
ประมวลภาพ "ม็อบราษฎร" ตีหม้อไล่เผด็จการ จากสกายวอล์กสู่สน.ปทุมวัน และป้ายหน้า 16-19 ก.พ.