แกนนำม็อบสีเสื้อ ติดบ่วงคดี ทยอยฟังศาล‘ชี้ชะตา’

17 มิ.ย. 2563 | 08:20 น.

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เตรียมนิรโทษกรรมคดีอันมีมูลเหตุจูงใจจากความขัดแย้งทางการเมืองทั้งหมด เพื่อสร้างความสามัคคีปรองดองในชาติ โดยมอบหมายทีมงานให้ไปรวบรวมข้อมูลคดีการเมืองทั้งหลาย ที่เกิดขึ้นในห้วงความขัดแย้งทางการเมืองที่ยืดเยื้อมานาน 

 

“ฐานเศรษฐกิจ” ประมวลคดีการเมืองหลักๆ ที่แกนนำทุกกลุ่มสีเสื้อล้วนตกเป็นจำเลย จากการนำมวลชนเคลื่อนไหวต่อต้านรัฐบาลที่เป็นขั้วตรงข้ามกับตนในเวลานั้น บางคดีศาลพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก จนถูกจองจำและพ้นโทษออกมาแล้ว แต่อีกหลายคดีที่อยู่ในการพิจาณาของศาล ถึงกำหนดทยอยชี้ชะตาในห้วงเวลานี้เป็นต้นไป 

 

นปช.ปิดล้อมบ้านสี่เสาเทเวศร์

 

คดีกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จ การแห่งชาติ (นปช.) ชุมนุมปิดล้อมบ้านพักสี่เสาเทเวศร์ของ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ อดีตประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ เมื่อปี 2550 จนเกิดเหตุปะทะเจ้าหน้าที่ อัยการเป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง “หมอเหวง-วีระกานต์” และพวกรวม 7 คนเป็นจำเลย ฐานมั่วสุม ประทุษร้ายก่อความวุ่นวาย ขัดขวางเจ้าพนักงาน

 

คดีนี้ศาลอุทธรณ์ให้ยกฟ้อง  2 คน ที่เหลือจำคุกคนละ 2 ปี 8 เดือน  

 

ศาลนัดอ่านคำพิพากษาฎีกาตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว แต่จำเลยมาไม่ครบ เลื่อนนัดแล้ว 4 ครั้ง และ 4 จำเลย คือ นายวีระกานต์ มุสิกพงศ์ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ นายวิภูแถลง พัฒนภูมิไท และ นพ.เหวง โตจิรา ขอกลับคำให้การเป็นสารภาพและขอลง โทษสถานเบา ส่วนนายนพรุจ หรือนพรุฒ วรชิตวุฒิกุล ยืนยันคำต่อสู้คดี ศาลนัดฟังคำพิพากษาล่าสุด 26 มิ.ย.นี้

 

นปช.ไล่อภิสิทธิ์ 

 

อีกคดีของแกนนำนปช.คือ จัดชุมนุมไล่รัฐบาล “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” เมื่อเดือนเม.ย. 2552 เป็นยกแรกในการชุมนุมยืดเยื้อไล่รัฐบาลของ นปช. คนเสื้อแดง ยังอยู่ในการพิจารณาของศาล 

 

เดิมศาลนัดสืบพยานโจทก์ตั้งแต่ปลายเดือน เม.ย.2563 แต่การนัดสืบพยาน ดังกล่าวต้องถูกยกเลิกและเลื่อนออกไป ต่อมาวันที่ 4 มิ.ย.2563 ศาลจึงนัดพร้อมคู่ความ ก่อนการนัดสืบพยานใหม่อีกครั้ง 

 

ในวันดังกล่าวปรากฏว่า นายพายัพ ปั้นเกตุ จำเลยที่ 9 และนายพงศ์พิเชษฐ์ หรือ พิเชษฐ์ สุขจินดาทอง จำเลย 10 ถูกคุมขังยังไม่ได้เบิกตัวมาศาล จึงให้เลื่อนไปนัดพร้อมในวันที่ 16 มิ.ย.2563 เวลา 09.00 น.

 

แกนนำม็อบสีเสื้อ  ติดบ่วงคดี ทยอยฟังศาล‘ชี้ชะตา’

 

คดีนี้ นายวีระกานต์ มุสิกพงศ์, นายจตุพร พรหมพันธุ์, นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ กับพวกรวม 13 คน เป็นจำเลยที่ 1-13 มีความผิดฐานปลุกปั่นประชาชน ให้ละเมิดกฎหมาย มั่วสุม สร้างความวุ่ยวาย ฝ่าฝืนพ.ร.ก. บริหารสถานการณ์ฉุกเฉิน 

 

84คนเผาศาลากลาง

 

เผาศาลากลางเป็นอีกกลุ่มคดีโทษร้ายแรง เกิดขึ้นหลังการยุติการชุมนุมกลุ่มนปช.ที่สี่แยกราชประสงค์เมื่อ 18 พ.ค. 2553

 

เมื่อแนวร่วมรวมตัวกันด้วยความโกรธแค้นจึงบุกเข้าเผาศาลากลาง 4 จังหวัด คือที่ อุดรธานี ขอนแก่น มุกดาหาร อุบลราชธานี ส่วนที่มหาสารคามสกัดทันมีเพียงโรงรถที่ถูกเผา ต่อมาถูกฟ้องร้องเป็นจำเลยในข้อหาหนัก ทั้งวางเพลิง บุกรุกสถานที่ราชการ ผิดพ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ โดยมีทั้งคดีที่อยู่ในชั้นฎีกา และที่พิพากษาถึงที่สุดด้วยโทษหนักจำคุกตลอดชีวิตก็มี กลุ่มคดีนี้มีจำเลยทั้งหมด 84 คน

 

พธม.ติดบ่วงคดีก่อการร้าย

 

ด้านคดีของแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย” (พธม.) ที่กลับมาเคลื่อนไหว เมื่อพรรคพลังประชาชนชนะเลือกตั้ง จัดตั้งรัฐบาลสมัคร สุนทรเวช ต่อเนื่องถึงรัฐบาลสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ที่มวลชนกลุ่มพันธมิตรฯ เคลื่อนไหวร้อนแรงสุด และโดนคดีต่อเนื่อง โดยคดีม็อบดาวกระจายและบุกยึดทำเนียบรัฐบาล ศาลสั่งจำคุกแกนนำ 8 เดือน ได้รับโทษไปแล้ว คดีล้อมรัฐสภาขวางการแถลงนโยบาย ศาลยกฟ้องเนื่องจากเป็นการใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญ 

 

แต่ยังเหลือคดีปิดสนามบินดอนเมือง-สุวรรณภูมิ เมื่อปลายปี 2551 โดยอัยการเป็นโจทก์ ฟ้องสนธิ-จำลอง และพวกรวม 98 รายเป็นจำเลย ฐานก่อการร้าย (จำเลยเสียชีวิต-เป็นอัมพาต เหลือ 96 คน) 

 

ทั้งนี้ คดียึดสนามบิน แกนนำพันธมิตรฯ กับพวก 13 คน ยังถูก บมจ.ทอท ฟ้องแพ่งเรียกค่าเสียหาย ศาลฎีกาพิพากษาให้ชดใช้ 522 ล้านบาทพร้อมดอกเบี้ย 

 

กปปส.กบฏ

 

ด้านนายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตแกนนำคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงปฏิรูปประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์แบบอันมีพระมหากษัตริย์ ทรงเป็นประมุข (กปปส.) โดนอัยการเป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง 5 สำนวน ร่วมกับอดีตแกนนำและแนวร่วมกปปส.เป็นจำเลย รวม 32 คน

 

ฐานร่วมกันกบฏ สนับสนุนกบฏ ขัดขวางการเลือกตั้ง และเฉพาะนายสุเทพ และนายชุมพล จุลใส ถูกฟ้องในข้อหาก่อการร้ายเพิ่มด้วย

 

แกนนำม็อบสีเสื้อ  ติดบ่วงคดี ทยอยฟังศาล‘ชี้ชะตา’

 

มือปืนป๊อบคอร์น

 

คดีมือปืนป๊อบคอร์น เป็นคดีหมายเลขดำ อ.1626/ 2557 อัยการคดีอาญา 4 เป็นโจทก์ ฟ้อง นายวิวัฒน์ ยอดประสิทธิ์ ที่ถูกกล่าวหาเป็นมือปืนสวมถุงป๊อปคอร์น ช่วงเหตุชุลมุน กปปส.ปะทะ นปช. หน้าศูนย์การค้าไอทีสแควร์  แยกแจ้งวัฒนะ หลักสี่ เมื่อต้นปี 2557 จนมีผู้เสียชีวิต ถูกตั้งข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา 

 

ศาลอาญาพิพากษาเมื่อ 3 มี.ค. 2559 ให้จำคุกจำเลย 37 ปี 4 เดือน คดีอยู่ระหว่างพิจารณาอุทธรณ์

 

 

ม็อบอยากเลือกตั้ง

 

ความขัดแย้งทางการเมืองต่อเนื่องถึงหลัง คสช. กลุ่ม “คนอยากเลือกตั้ง” จัดชุมนุมคัดค้านรัฐบาล พล.อ. ประยุทธ์ หลายครั้ง จนถูกฟ้องในคดีชุมนุมเดินขบวนไปหน้ากองทัพบก แกนนำ “คนอยากเลือกตั้ง” ตกเป็นจำเลย 5 คน คือ นายกาณฑ์ หรือ ศศิพัฒน์ พงษ์ประภาพันธ์ นายสิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ หรือจ่านิว นายรังสิมันต์ โรม น.ส.ณัฏฐา มหัทธนา และนายอานนท์ นำภา

 

คดีอยู่ในชั้นไต่สวนพยาน ล่าสุด 2 มิ.ย. 2563 ศาลนัดสืบพยานโจทก์ต่อ แต่พยานโจทก์ติดราชการ ประกอบกับ “รังสิมันต์ โรม” หนึ่งในจำเลย  เป็น ส.ส. อยู่ในสมัยประชุมสภาฯ ศาลจึงเห็นควรให้กำหนดนัดสืบพยานใหม่ เป็นเดือน มี.ค.-เม.ย. 2564

 

“ธนาธร”แฟลชม็อบ

 

คดีแฟลชม็อบ จากกรณี นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ อดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ นัดชุมนุมฉับพลันบนสกายวอล์ค กลางสี่แยกปทุมวัน เมื่อวันที่ 14 ธ.ค. 2562 คัด ค้านคำสั่งยุบพรรค ธนาธรถูกฟ้องร่วมกับแกนนำการชุมนุมรวม 8 คน เป็นจำเลย ประกอบด้วย

 

ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ อดีตส.ส.บัญชีรายชื่อและอดีตหัวหน้าพรรค อนาคตใหม่ นายปิยบุตร, น.ส.พรรณิการ์ วานิช อดีตโฆษกพรรคอนาคตใหม่ และนายพิธา  ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล นายไพรัฎฐโชติก์ จันทรขจร อดีตผู้สมัคร ส.ส.พรรคอนาคตใหม่ เขต 5 นครปฐม นายพริษฐ์ ชิวรักษ์ นายธนวัฒน์ วงค์ไชย และ น.ส.ณัฏฐา มหัธนา 

 

หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3,584 หน้า 12 วันที่ 18 - 20 มิถุนายน 2563