“เอ็มโอยู”พัฒนาวัคซีนโควิด ไทย-จีนต้องเข้าถึงยาพร้อมกัน

07 พ.ค. 2563 | 07:21 น.

“อนุทิน” ยัน สถาบันวัคซีนฯ ทำ เอ็มโอยู กับ จีน ไทยต้องไม่เสียเปรียบ ทั้งสองฝ่ายต้องเข้าถึงยาพร้อมกัน

7 พฤษภาคม 2563 นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. ถึงความคืบหน้าการศึกษาและพัฒนาวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ที่พัฒนาโดยคนไทยว่า เราได้ดำเนินการให้สถาบันวัคซีนแห่งชาติไปหารือมหาวิทยาลัยต่างๆและได้ลงนามในบันทึกความเข้าใจ (เอ็มโอยู) กับมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในประเทศจีนด้วย ในการศึกษาและวิจัยร่วมกันซึ่งได้เชิญ นพ.นคร เปรมศรี ผู้อำนวยการสถาบันวัคซีนแห่งชาติ มาพูดคุยสอบถามถึงเรื่องนี้แล้ว ขอเน้นย้ำว่า การทำเอ็มโอยูดังกล่าว เราต้องไม่เสียเปรียบ จึงขอให้ศึกษาข้อกฎหมายให้ดี ทั้ง 2 ฝ่ายต้องเข้าถึงพร้อมกันและได้รับความความยุติธรรมเท่ากัน

เมื่อถามว่ากระทรวงสาธารณสุขจะเสนอให้ศบค.มีการผ่อนปรนมาตรการใดอีกหรือไม่นั้น นายอนุทิน ระบุว่า ตอนนี้ทุกอย่างอยู่รวมที่ ศบค. ส่วนกระทรวงสาธารณสุขเป็นฝ่ายสนับสนุน ถ้าเรามีมาตรการอะไรดีๆเพิ่มเติมก็จะเสนอต่อนายกรัฐมนตรีและคณะกรรมการศบค. ซึ่งเราทำเช่นนี้มาตลอด 
 

เมื่อถามว่า การประชุมในวันนี้ (7 พ.ค.)จะเสนอให้ห้างสรรพสินค้าเปิดกิจการได้ด้วยหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่าต้องอยู่ที่นายกรัฐมนตรี เมื่อถามถึงกระแสข่าวที่ว่าอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) บางแห่งยังไม่ได้รับค่าตอบแทนเต็มจำนวน แต่ยังต้องทำงานหนักอย่างต่อเนื่อง  นายอนุทิน กล่าวว่า  อสม.ได้รับค่าตอบแทนแล้ว ตนยืนยัน จากการสอบถามข้อเท็จจริง พบว่ากรณีของบางพื้นที่เกิดข้อผิดพลาดเรื่องการโอนเงิน แต่ตอนนี้ไม่มีปัญหาแน่นอน ตนรับประกันว่าอสม.ได้รับเงินค่าตอบแทนเต็มจำนวน