ย้อนรอยวิกฤติ “พักรบการเมือง” ร่วมฝ่ามหาอุทกภัยปี54

17 เม.ย. 2563 | 23:00 น.
อัปเดตล่าสุด :18 เม.ย. 2563 | 07:58 น.

เปิดแฟ้มการเมือง ย้อนรอยวิกฤติน้ำท่วมใหญ่ปี 54 รัฐบาลจับมือฝ่ายค้าน ร่วมหาทางออกของประเทศ

จากกรณีที่เมื่อวันที่ 17 เม.ย. 2563 เวลา 18.00 น. พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะผู้อำนวยศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด 19 (ศบค.) แถลงผ่านโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย(ทรท.) หรือทีวีพูล  โดยตอนหนึ่งพลเอกประยุทธ์กล่าวถึงแนวคิดการขอความร่วมมือเป็นหนึ่งเดียวทั้งประเทศ เต้องเป็นทีมประเทศไทย โดยจะดึงทุกภาคส่วนของสังคม รวมถึงกลุ่มธุรกิจ ทุกกลุ่ม ทุกคนที่มีความรู้ความสามารถ จากภาครัฐ จากมหาวิทยาลัย ศูนย์วิจัยต่างๆ  รวมทั้งมหาเศรษฐีที่ร่ำรวยที่สุดในประเทศไทย 20 ท่าน และภาคเอกชนทั้งหมดอีกด้วย เพื่อรับฟังความความคิดเห็น ข้อเสนอแนะ ความต้องการ 

“ฐานเศรษฐกิจ” ตรวจสอบประวัติศาสตร์เมื่อไม่นานมานี้เมื่อปี 2554 ในสถานการณ์อุทกภัยใหญ่ของประเทศไทย ที่นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งรัฐบาลก็ตกอยู่ในภาวะลำบากในการรับมือกับสถานการณ์ซึ่งนางสาวยิ่งลักษณ์เองก็ใช้ช่องทางของโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย ในการความร่วมมือจากทุกฝ่ายในสังคมในการร่วมกันฝ่าวิกฤติในครั้งนั้น 

จนทำให้เกิดภาพประวัติศาสตร์เมื่อวันที่ 11 ตุลาคม 2554 นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในขณะนั้น พร้อมแกนนำพรรค อาทิ นายกรณ์ จาติกวณิช นายอลงกรณ์ พลบุตร นายศิริโชค โสภา นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต นายวิทเยนทร์ มุตตามระ ฯ เดินทางไปที่ศูนย์ปฎิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย(ศปภ.) ที่ท่าอากาศยานดอนเมือง เพื่อหารือกับนางสาวยิ่งลักษณ์และรัฐมนตรีหลายคนในขณะนั้น ถึงแนวทางการแก้ปัญหาน้ำท่วม  เพื่อเสนอแนวทางการแก้ไขปัญหาอุทกภัยพร้อมเสนอให้รัฐบาลนำพื้นที่คลังสินค้าของท่าอากาศยานดอนเมือง ซึ่งมีพื้นที่ 70,000 ตร.ม.มาเป็นพื้นที่รองรับประชาชนที่เดือดร้อนจากภัยน้ำท่วมครั้งนี้ด้วย

นายอภิสิทธิ์ จึงได้มีโอกาสพูดคุยกับนางสาวยิ่งลักษณ์ ซึ่งในตอนหนึ่งของการสนทนา น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวกับนายอภิสิทธิ์ด้วยว่ารัฐบาลพร้อมยินดีจะรับฟังคำแนะนำในการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมจากทุกด้าน โดยอยากให้เรื่องนี้เป็นวาระแห่งชาติโดยทั้งรัฐบาลและภาคประชาชนมีการทำงานร่วมกัน "เรายินดีรับข้อเสนอในทุกอย่าง ตอนนี้เราทำเพื่อชาติ"

และในระหว่างที่พูดคุยกัน นายกรัฐมนตรีได้มีการหยิบยกเรื่องการป้องกันแนวคันกั้นน้ำ โดยระบุว่าจะใช้กำลังทหารในการเสริมแนวคันกั้นนำ และเร่งเรื่องการระบายน้ำออกจากพื้นที่วิกฤต ซึ่งการทำงานได้เชิญทุกฝ่ายมาร่วมมือกัน และเชิญกรุงเทพมหานครมาร่วมกันทำงานด้วย

ขณะที่นายอภิสิทธิ์ ได้บอกว่าอย่าได้เป็นกังวลกับเรื่องนี้ และเห็นว่าเรื่องนี้จะต้องร่วมมือกันทำงาน ไม่ใช่เป็นเรื่องของต่างพรรค จากนั้นน.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้เชิญนายอภิสิทธิ์ และคณะเข้าไปหารือร่วมกัน ในที่ประชุมศูนย์ ศปภ. โดยมีนายยงยุทธ วิชัยดิษฐ์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย เป็นรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก ขณะนั้นเป็นรมว.ยุติธรรม และผู้อำนวยการศูนย์ศปภ. ร่วมหารือด้วย เนื้อหาส่วนใหญ่เป็นการหารือเรื่องการเตรียมป้องกันสถานการณ์น้ำที่จะอาจจะทะลักเข้าพื้นที่กรุงเทพมหานคร มีการนำแผนที่มาประกอบการหารือด้วย

ภายหลังการพบกันในครั้งนั้นระหว่างหัวหน้ารัฐบาลและผู้นำฝ่ายค้าน “น.ส.ยิ่งลักษณ์” ให้สัมภาษณ์ถึงการหารือร่วมกับนายอภิสิทธิ์ ว่า ได้อธิบายถึงสถานการณ์ลุ่มน้ำ ภาพรวมของพื้นที่กทม.ซึ่งเป็นการทำงานร่วมกันระหว่างศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยและกรุงเทพมหานครส่วนนายอภิสิทธิ์ เพียงแค่สอบถามและเป็นกังวลในเรื่องของศูนย์ผู้อพยพสำรอง

ด้าน นายอภิสิทธิ์ เปิดเผยว่า ต้องการเสนอ3 แนวทางให้รัฐบาลพิจารณา คือ 1.ยุบศูนย์ต่างๆ ที่รัฐบาลตั้งขึ้น ให้เหลือเพียงศูนย์เดียว เพื่อให้การทำงานมีเอกภาพ 2.กำหนดพื้นที่การแก้ปัญหาให้ชัดเจน และเร่งอพยพคนที่ติดน้ำอยู่ให้ออกมาอย่างรวดเร็ว 3.นายกฯ ควรประกาศใช้อำนาจพิเศษตามความเหมาะสมในการแก้ไขปัญหาน้ำท่วม เพื่อให้มีความเป็นเอกภาพ และมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น