นับตั้งแต่ประเทศไทยมีการเปลี่ยนแปลงการปกครองในปี 2475 มาจนถึงปัจจุบัน ก็ย่างก้าวเข้าสู่ปีที่ 86 เข้าไปแล้ว หากเปรียบกับชีวิตคนต้องถือว่าผ่านประสบการณ์ชีวิตโชกโชน เข้าสู่วัยอาวุโสจนถึงช่วงสุดท้ายของชีวิตแล้ว แต่ดูเหมือนยังเป็นคนที่หาความมั่นคงและความสำเร็จในชีวิตมิได้ เช่นเดียวกับการปกครองในระบอบประชาธิปไตย จนถึงบัดนี้ก็หาความถูกต้องเหมาะสม ความสำเร็จที่จะเป็นรากฐานให้กับประเทศ หรือความลงตัวที่สอดคล้องกับสภาพของสังคมไทย และความมั่นคงสถาพรยังมิได้
ประเทศไทยและคนไทยทั้งหลายยังถกเถียงทะเลาะกันด้วยการเมืองเรื่องประชาธิปไตยมิรู้จบ ที่หนักและร้ายแรงถึงขนาดปะทะกันด้วยความรุนแรง สูญเสียชีวิตเลือดเนื้อก็นับครั้งไม่ถ้วน หลายครั้งหลายเหตุการณ์เป็นประวัติศาสตร์เลือด ไม่ว่าเหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516, 6 ตุลาคม 2519, พฤษภาทมิฬ 2535 หรือการชุมนุมของพันธมิตร และ กปปส. กับ นปช.กลุ่มคนเสื้อแดง ช่วงปี 2548-2557 แต่บทเรียนทั้งหลายเหล่านั้น ก็มิได้จดจำหรือนำมาศึกษาปรับปรุงพัฒนาการปกครองประเทศตนให้ดีขึ้นแต่อย่างใด
สิ่งที่เห็นและเป็นไปกลับมีแต่พวกศรีธนญชัยทางการเมือง คือตั้งกลุ่มฉกฉวยโอกาสและแสวงหาอำนาจเพื่อตนเองกับพวกพ้อง ประเภทหาช่องทาง สร้างโอกาสให้กับกลุ่มและพรรคพวกตน ได้อำนาจในการปกครองประเทศ แบบชนิดสมบัติผลัดกันชม หาผู้นำที่ดีๆ เป็นนักคิดนักสร้างสรรค์ นักพัฒนาประเทศ เพื่อความสุขความมั่นคงสถาพรของชาติบ้านเมือง และประโยชน์สุขของมหาชนจริงๆ ช่างยากเย็นแสนเข็ญเหลือเกิน จนบัดนี้ประเทศไทยยังวนเวียนอยู่ในวงจรอุบาทว์ทางการเมืองไม่จบสิ้น
86 ปี บนเส้นทางประชาธิปไตยไทย มีการรัฐประหาร รวม 13 ครั้งสลับสับเปลี่ยนกับมีการเลือกตั้งรวม 27 ครั้ง แต่อำนาจการเมืองยังวนเวียนอยู่กับคน 2 กลุ่มเท่านั้นคือ เผด็จการทหาร กับนักการเมืองที่โหยหิวอำนาจ ทุจริตฉ้อฉลอำนาจประชาชน อำนาจประชาธิปไตยยังมิเคยตกถึงมือประชาชน การเมืองการปกครองของไทย ยังหาความเป็นระบอบประชาธิปไตยที่ดี ที่ตอบสนองความต้องการของมหาชนคนในชาติมิได้ ยังเป็นประชาธิปไตยที่ลุ่ม ๆ ดอนๆ ล้มลุกคลุกคลานไม่จบสิ้น
รัฐบาลเผด็จการทหาร คสช.ครองอำนาจมาครบ 4 ปีแล้ว แต่วันนี้ทุกกลุ่มทุกฝ่ายทางการเมือง ยังมีความไม่แน่ใจไม่รู้ว่าเมื่อใดจะมีการเลือกตั้ง และจะมีเลือกตั้งจริงหรือไม่ เมื่อใด ไม่เพียงเป็นข้อสงสัยที่มีนัยทางการเมือง ของกลุ่มคนอยากเลือกตั้ง แม้นักการเมืองอาวุโสอย่างอดีตนายกรัฐมนตรี นายชวน หลีกภัย ยังตั้งคำถามแบบไม่มั่นใจไม่รู้ว่า จะมีจริงหรือไม่เช่นกัน
ไม่นับรวมพรรคการเมืองอื่น หรือประชาชนทั่วไปที่ต่างมีข้อสงสัยว่ารัฐบาลทำไมไม่กล้าประกาศกำหนดวันเลือกตั้ง กระบวนท่าลีลาทำไมเรื่องเยอะเหลือเกิน และถึงแม้ว่ามีกำหนดวันเลือกตั้งแล้ว ก็ยังมีปัญหาต่อไปอีกว่า การเลือกตั้งภายใต้รัฐธรรมนูญ 2560 จะนำมาซึ่งความเป็นประชาธิปไตย และเสถียรภาพทางการเมืองที่มั่นคง เป็นความหวังและอนาคตสำหรับประเทศไทยจริงหรือไม่ การเมืองการปกครองประเทศจะมีความมั่นคง ไม่มีปัญหาความวุ่นวาย และความขัดแย้งทางการเมืองเหมือนในอดีตหรือไม่ ยังไม่มีใครมั่นใจหรือให้คำตอบได้ สถานการณ์บ่งบอกถึงความไม่แน่นอน ไม่ชัดเจนขุ่นมัว บรรยากาศแปลก ๆ และแตกต่างจากทุก ๆ ครั้ง ไร้ความคึกคักกระตือรือร้น ผิดปกติทางการเมืองที่เคยมีมาโดยทั่วไป
เหตุแห่งบรรยากาศทางการเมืองดังกล่าว ก็ด้วยมูลเหตุสำคัญ ๆ 2 ประการคือ 1. โดยเนื้อหาและโครงสร้างทางการเมืองภายใต้รัฐธรรมนูญ 2560 มีความไม่เป็นประชาธิปไตยสูงยิ่ง โดยเฉพาะการบัญญัติไว้ในบทเฉพาะกาล มาตรา 269 ให้มี ส.ว.จำนวน 250 คน มาจากการสรรหาและคัดเลือกโดย คสช. และยังกำหนดให้ ส.ว.มีอำนาจโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีได้อีกด้วย อันเป็นข้อตำหนิว่า คสช.มีเสียงที่ตนเองแต่งตั้งตุนคะแนนเสียงไว้ถึง 250 เสียงจาก ส.ว.ซึ่งไม่เคยมีรัฐธรรมนูญฉบับใดบัญญัติไว้เช่นนี้มาก่อน ถือเป็นรอยด่างของระบอบประชาธิปไตยอย่างยิ่ง เมื่อประกอบกับกระแสข่าวว่า คสช.มีการเตรียมการจัดตั้งพรรคการเมือง เพื่อปูทางกลับเข้าสู่อำนาจในรอบ 2 ต่อไป ก็อาจเป็นปัญหาที่ทำให้บรรยากาศการเลือกตั้ง หรือการแข่งขันทางการเมืองมีความไม่เป็นประชาธิปไตย หรือไม่เป็นธรรมขึ้นได้
2.บรรยากาศทางการเมือง แม้มีการประกาศใช้รัฐธรรมนูญฉบับถาวรแล้ว แต่ คสช.ยังคงอำนาจตาม ม.44 ไว้ครบถ้วน คสช.ยังไม่ยอมปลดล็อกคำสั่งทั้งหลาย อันเป็นการจำกัดสิทธิ เสรีภาพ ประชาชนหรือคำสั่งห้ามดำเนินกิจกรรมทางการเมืองใด ๆ ของประชาชนและพรรคการเมือง อันเป็นการไม่ส่งเสริมบรรยากาศประชาธิปไตย ทำให้รัฐบาลขาดความน่าเชื่อถือ ขาดความเชื่อมั่นในสายตาประชาชน ว่าพร้อมที่จะเดินหน้าสร้างระบอบประชาธิปไตยหรือไม่
ด้วยเหตุดังกล่าว การเมืองการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นหากมีจริง จึงยังมิใช่อนาคตและคำตอบที่ดีแก่ประเทศไทย เพราะหากการเลือกตั้งต้องดำเนินไปภายใต้รัฐธรรมนูญ 2560 และภายใต้บรรยากาศทางการเมืองเช่นนี้ น่าจะไม่ใช่คำตอบที่ดีแก่สังคมไทย ไม่อาจสร้างอนาคตใหม่ทางการเมืองให้เกิดขึ้นมาได้ สังคมไทย ประชาชนไทย และรัฐบาล คสช.ควรจะได้ทบทวนตรวจสอบทิศทางและแนวทางที่กำลังดำเนินไปในขณะนี้เสียใหม่ อะไรคือทางออกที่ดีที่สุดของสังคมไทย หากจะได้มีการถกเถียงเสวนา เพื่อให้เกิดความรู้ทางปัญญา หาทางออกให้กับประเทศไทยเสียใหม่ก็คงจะดีไม่น้อย
เมื่อมองเห็นปัญหาและหนทางที่มืดมนเบื้องหน้าแล้ว ถ้าเลือกได้ ผมไม่อยากเลือกตั้งเลยครับ หลายคนคงมีความคิดเช่นนี้ ผมเชื่อว่าคนไทยทั้งหลายที่ผ่านประสบการณ์ชีวิตทางการเมืองร่วมสมัย อยากได้ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เป็นประชาธิปไตยของประชาชน โดยประชาชนและเพื่อประชาชน อย่างแท้จริง มากยิ่งกว่าประชาธิปไตยจากปลายกระบอกปืน หรือประชาธิปไตยบนความมืดมน ไร้อนาคต ปัญหาอยู่ที่ว่าใครจะเป็นผู้สร้าง ผู้ทำให้เกิดขึ้นและเป็นจริง ครับพี่น้องประชาชน
| คอลัมน์ : ข้าพระบาททาสประชาชน
| โดย : ประพันธุ์ คูณมี
| หน้า 6 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3374 หน้า 6 ระหว่างวันที่ 14-16 มิ.ย.2561