“มาริษ” เข้ากระทรวงการต่างประเทศวันแรก สักการะพระพุทธรูป ก่อนประชุมครม.

07 พ.ค. 2567 | 05:15 น.

นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เดินทางเข้ากระทรวงเป็นวันแรก ในโอกาสเข้ารับหน้าที่ โดยเข้าสักการะพระพุทธราชไมตรีศรีสัมพันธ์ และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำกระทรวงการต่างประเทศ ก่อนเข้าร่วมประชุมครม.เช้านี้

นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ คนที่ 48 ของไทย เดินทางเข้ากระทรวงการต่างประเทศ (กต.) เป็นวันแรกเช้าวันนี้ (7 พ.ค.) ในโอกาสเข้ารับหน้าที่ โดยเข้าสักการะพระพุทธราชไมตรีศรีสัมพันธ์ และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำกระทรวงการต่างประเทศ โดยมีปลัดกระทรวงฯ และผู้บริหารกระทรวงการต่างประเทศให้การต้อนรับ พร้อมทั้งนายชัย วัชรงค์ โฆษกสำนักนายกรัฐมนตรีร่วมแสดงความยินดี ก่อนเดินทางไปเข้าร่วมประชุมครม.เช้านี้ที่ทำเนียบรัฐบาล 

นายมาริษได้รับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศคนใหม่ เมื่อวันที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2567 แทนนายปานปรีย์ พหิทธานุกร ที่ยื่นลาออกสองวันก่อนหน้านั้น

นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ เข้าสักการะพระพุทธราชไมตรีศรีสัมพันธ์ที่กระทรวงการต่างประเทศ ในโอกาสเข้ารับหน้าที่  (7 พ.ค.2567)

สักการะพระอนุสาวรีย์สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมพระยาเทวะวงศ์วโรปการฯ

ปลัดกระทรวงฯ และผู้บริหารกระทรวงการต่างประเทศให้การต้อนรับและแสดงความยินดี

อย่างไรก็ตาม การเข้ากระทรวงเช้าวันนี้ นายมาริษยังไม่มีการมอบหมายนโยบายแก่เจ้าหน้าที่กระทรวงอย่างเป็นทางการ

ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 1 พ.ค. ที่ผ่านมา นายมาริษได้ให้สัมภาษณ์ไว้ หลังจากได้รับการโปรดเกล้าฯให้ดำรงตำแหน่งว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ยังไม่ได้มอบหมายงานให้ เพราะตนยังไม่ได้ถวายสัตย์ปฏิญาณ และเมื่อถามว่า หนักใจหรือไม่ที่ต้องมาสานงานต่อในตำแหน่งรมว.ต่างประเทศในช่วงเวลานี้ นายมาริษกล่าวว่า ไม่หนักใจแต่อย่างใด เพราะมีการทำงานร่วมกับนายปานปรีย์ รมว.ต่างประเทศคนก่อนมาโดยตลอด โดยตนเองนั้นเป็นที่ปรึกษารมว.ต่างประเทศ (นายปานปรีย์) อีกทั้งยังเป็นลูกหม้อของกระทรวงการต่างประเทศ จึงไม่มีความหนักใจแต่อย่างใด

นอกจากนี้ ยังกล่าวว่า นายกฯกับตนนั้น เจอกันตลอดเวลา จึงรู้จักกันดี และรู้ว่าจะทำงานร่วมกันได้อย่างไร

ด้านนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ก่อนนำคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถ่ายภาพหมู่ร่วมกันที่ทำเนียบรัฐบาลวันนี้ (7 พ.ค.) ว่า วันนี้จะมีการแบ่งงานให้รัฐมนตรีใหม่ ในทุกเรื่องและทุกนโยบายที่แถลงไว้ต่อรัฐสภา โดยจะยึดหลักแบ่งงานตามความเหมาะสมและความสามารถของรัฐมนตรีแต่ละคน