นายวิทยา แก้วมี รองอธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยว่า ที่ผ่านมาลุ่มน้ำเจ้าพระยาประสบปัญหาน้ำท่วมซ้ำซาก และมีแนวโน้มเกิดถี่ขึ้น โดยเฉพาะมหาอุทกภัยครั้งสำคัญในปี 2554 มีปริมาณน้ำหลากเกินศักยภาพการระบายน้ำในปัจจุบันของแม่น้ำเจ้าพระยา ทำให้มีปริมาณน้ำท่วมมากกว่า 20,000 ล้านลูกบาศก์เมตร สร้างความเสียหายให้กับพื้นที่เกษตรกรรม ชุมชนอยู่อาศัย แหล่งอุตสาหกรรม
จึงจำเป็นต้องเพิ่มประสิทธิภาพการระบายน้ำของแม่น้ำและคลองเดิม โดยดำเนินงานตามแผน แผนปรับปรุงระบบชลประทานเจ้าพระยาฝั่งตะวันออกตอนล่าง โดยทำการออกแบบปรับปรุงคลองระบายน้ำ ปรับปรุงให้สอดรับกับภูมิศาสตร์ของพื้นที่ ทั้งในรูปแบบการขุดคลองระบายน้ำ ออกแบบและปรับปรุงอาคารบังคับน้ำตามแนวคลอง รวมถึงงานก่อสร้างกำแพงกันดินเพื่อเพิ่มความแข็งแรงและลดการกัดเซาะตลิ่ง
โดยมีแนวทางดำเนินงานใน 2 รูปแบบ ได้แก่
ทั้งนี้ จะพิจารณาจากข้อจำกัดของพื้นที่ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการระบายน้ำของคลองชลประทาน และคลองธรรมชาติเดิมให้สามารถระบายน้ำจากพื้นที่ด้านใต้แม่น้ำป่าสัก ลงสู่ทะเล
รวมถึงปรับปรุงออกแบบอาคารบังคับน้ำ จะดำเนินการใน 2 รูปแบบ ประกอบด้วย
สำหรับพื้นที่ที่จะได้รับประโยชน์จากโครงการ เริ่มตั้งแต่พื้นที่แม่น้ำปาสัก ผ่านพื้นที่ 77 ตำบล 17 อำเภอ ใน 7 จังหวัด คือ พระนครศรีอยุธยา สระบุรี นครนายก ปทุมธานี กรุงเทพมหานคร ฉะเชิงเทรา และสมุทรปราการ รวมความยาวปรับปรุงคลองทั้งสิ้น 505.18 กิโลเมตร ซึ่งจะสามารถเพิ่มประสิทธิภาพการระบายน้ำในพื้นที่จากเดิม 200 ลบ.ม.วินาที เป็น 400 ลบ.ม./วินาที