สารวัตรคลั่ง กราดยิงสายไหม อาการเจ็บสาหัส ผบ.ตร.ขอโทษประชาชน

15 มี.ค. 2566 | 09:55 น.

ผบ.ตร. ขอโทษประชาชนที่ได้รับผลกระทบกรณีตำรวจคลั่งกราดยิงในบ้านพักย่านสายไหม เผยผู้ก่อเหตุถูกยิงเจ็บสาหัสที่อกและขา เบื้องต้นเตรียมให้ออกจากราชการไว้ก่อน  

 

หลัง ตำรวจชุดปฏิบัติการอรินทราช ได้บุกจู่โจมจับกุม “สารวัตรกานต์ตำรวจคลั่ง ที่ กราดยิงในบ้านพักย่านสายไหม ตั้งแต่ช่วงเช้าวานนี้ (14 มี.ค.) จนถึงช่วงเที่ยงวันนี้ (15 มี.ค.) ปรากฏว่า ผู้ก่อเหตุถูกยิงได้รับบาดเจ็บสาหัสและถูกส่งตัวเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลภูมิพลแล้วนั้น ขณะนี้ กำลังอยู่ระหว่างการพักรักษาตัว โดยทางต้นสังกัดเตรียมพิจารณาให้ออกจากราชการไว้ก่อน 

อย่างไรก็ตาม ในที่สุดเวลาประมาณ 21.47 น.ของวันที่ 15 มี.ค. แพทย์ได้อัพเดทข้อมูลของสารวัตรกานต์ โดยระบุว่า ชีพจรค่อยๆอ่อนลงๆ จนเสียชีวิตในที่สุด โดยแพทย์ได้ถอดเครื่องช่วยหายใจออก และยืนยันว่า สารวัตรกานต์เสียชีวิตแล้ว

จากกรณี พ.ต.ท.กิตติกานต์ แสงบุญ อายุ 51 ปี หรือ "สารวัตรกานต์" สารวัตรฝ่ายปกครอง ศูนย์พัฒนาด้านการข่าว กองบัญชาการตำรวจสันติบาล ได้ก่อเหตุคุ้มคลั่งยิงปืนหลายสิบนัดในบ้านพักย่านสายไหมตั้งแต่ช่วงสายวานนี้ (14 มี.ค.)จนถึงเที่ยงเศษๆวันนี้ (15 มี.ค.) เมื่อปฏิบัติการปิดล้อมและจับกุมตัวได้สิ้นสุดลง พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติ์ประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.)ได้เปิดเผยขณะเข้าบัญชาการสถานการณ์ว่า

สารวัตรกานต์ นายตำรวจผู้ก่อเหตุกราดยิง ไม่ได้มีภาวะแบบคนปกติ แต่ก็ยังไม่ได้ถือว่าเป็นคนร้ายเพราะไม่ได้มีตัวประกัน การทำงานของตำรวจต้องทำภายใต้ความระมัดระวังไม่ให้เกิดการสูญเสียทั้งสองฝ่าย ทั้งของพันตำรวจโทที่มีอาการคุ้มคลั่งและเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ปฎิบัติการ

พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติ์ประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.)

“ต้องขอโทษประชาชนที่ได้รับผลกระทบโดยตรง ทั้งนี้ พันตำรวจโทที่ก่อเหตุอยู่ในจุดยุทธศาสตร์ที่ได้เปรียบและมีความรู้ยุทธวิธีพอสมควรเพราะได้รับการฝึกสยบไพรีพินาศมา ทำให้มีความชำนาญหลายด้าน จากการพูดคุยเจรจาเหมือนจะรู้เรื่องแต่ก็ไม่รู้เรื่อง ขอให้ประชาชนให้เวลาตำรวจอยากให้เข้าใจว่าถ้าเป็นไปได้ก็ไม่อยากให้มีการสูญเสียแต่จะเร่งดำเนินการ ทั้งนี้ ทีมแพทย์ที่เข้าประเมินอาการค่อนข้างหนักใจ และคิดว่าผู้ก่อเหตุต้องได้รับการฉีดยา การพูดคุยมีเนื้อหาเกี่ยวกับพระเจ้าความเชื่อส่วนตัว ในส่วนของยาเสพติดยังไม่ได้รับรายงานแต่มีภาวะทางจิตที่แสดงออกเป็นลักษณะผิดปกติ”

พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ ยังกล่าวด้วยว่า ถ้าบ้านเรือนประชาชนมีความเดือดร้อนหรือสูญเสีย ทางตำรวจก็จะดำเนินการชดใช้ให้ และขอย้ำว่า ถ้ามีความจำเป็นก็จะดำเนินการให้เร็วที่สุด

ผบ.ตร.ยังเปิดเผยว่า สำหรับพันตำรวจโทผู้ก่อเหตุ หรือ "สารวัตรกานต์" นั้น ก่อนหน้านี้ตอนที่ทำงานที่กองบัญชาการศึกษายังไม่ปรากฎอาการใดๆ และก่อนจะย้ายมาที่กองบัญชาการตำรวจสันติบาลก็เคยผ่านการทดสอบเรื่องจิตเภทและผ่านมาได้ ซึ่งเรื่องนี้ก็จะต้องไปตรวจสอบว่าข้อมูลรายงานดังกล่าวเป็นอย่างไร ทั้งนี้ คณะกรรมการของตำรวจสันติบาลกำลังพิจารณาเรื่องการให้สารวัตรกานต์ออกจากราชการไว้ก่อนเพราะลักษณะดังกล่าวไม่เหมาะสมกับการจะทำราชการต่อไป

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดปฏิบัติการได้บุกเข้าควบคุมตัวพันตำรวจโทกิติกานต์ เมื่อเวลาประมาณ 12.15 น.โดยชุดอรินทราชได้เข้าไปบริเวณชั้น 2 ของบ้านทางหน้าต่าง จากนั้น พบว่ามีเสียงปืนดังยิงตอบโต้กันไปมาระหว่างตำรวจกับผู้ก่อเหตุจำนวนหลายสิบนัด โดยมีการยิงตอบโต้กันประมาณ 5 นาที จากนั้นเมื่อเวลา 12.20 น.เสียงปืนได้เงียบลง และมีเจ้าหน้าที่ตำรวจเดินออกมาขอให้สื่อมวลชนที่เกาะติดสถานการณ์เปิดทางให้นำรถพยาบาลวิ่งออกมา และเจ้าหน้าที่กู้ภัยได้นำรถพยาบาลเคลื่อนถอยหลังไปบริเวณหน้าบ้านของผู้ก่อเหตุและขับออกไปทันที โดยมีรายงานว่า ผู้บาดเจ็บที่อยู่ในรถพยาบาลคือ "สารวัตรกานต์"ผู้ก่อเหตุ ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลภูมิพล

ต่อมาเวลาประมาณ 12.30 น.พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รองผบ.ตร ได้ยืนยันว่า ผู้ก่อเหตุคือผู้ได้รับบาดเจ็บที่ถูกนำส่งโรงพยาบาล

รายงานข่าวระบุว่า พ.ต.ท.กิตติกานต์ ได้รับบาดเจ็บขณะถูกจับกุม โดยอาการอยู่ในขั้นสาหัส กระสุนปืนถูกยิงเข้าที่บริเวณข้อพับแขนซ้าย หน้าอกซ้าย และต้นขาด้านบนซ้าย ทีมแพทย์พยายามให้ความช่วยเหลือ แต่สุดท้ายเวลาประมาณ 21.47 น. (ของวันที่ 15 มี.ค.) สารวัตรกานต์ชีพจรค่อยๆอ่อนลงๆ จนเสียชีวิตในที่สุด จากนั้นแพทย์ได้ถอดเครื่องช่วยหายใจออก และยืนยันว่า สารวัตรกานต์ได้เสียชีวิตแล้ว