ศุกร์ 13 ม.ค. 66 คือวันแห่งความโชคร้าย อ่านความเชื่อ อาถรรพ์ที่นี่

13 ม.ค. 2566 | 07:49 น.

ศุกร์ 13 ม.ค. 66 คือวันแห่งความโชคร้าย อ่านความเชื่อ อาถรรพ์ที่นี่มีคำตอบ ฐานเศรษฐกิจย้อนรอยรวบรวมที่มาที่ไปของการเป็นวันที่ทำให้บางคนกลัว และเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นในอดีต

ศุกร์ 13 ม.ค. 66 วันนี้ กลายเป็นอีกหนึ่งวันที่บางคนหวาดผวา จากความเชื่อบางอย่าง

 

"ศุกร์ 13" คืออะไร ทำไมต้องเรียกว่าเป็นวันแห่งความโชคร้าย มีความเชื่อที่มาที่ไปอย่างไร และอาถรรพ์อะไร 

 

"ฐานเศรษฐกิจ" จะพาไปไขคำตอบให้คลายความสงสัยที่นี่ 

 

ตามข้อมูลจากวิกิพีเดีย ระบุว่า วันศุกร์ 13 ถือเป็นวันโชคร้ายในความงมงายตะวันตก เกิดเมื่อวันที่ 13 ของเดือนในปฏิทินเกรโกเรียนตรงกับวันศุกร์ ซึ่งเกิดได้อย่างน้อยหนึ่งครั้งต่อปี แต่อาจมีได้ถึงสามครั้งต่อปี

 

นอกจากนี้ ยังบอกอีกว่าถ้าเดือนใดก็ตามที่เริ่มต้นวันแรกเป็นวันอาทิตย์ เดือนนั้นจะมีวันศุกร์ที่ 13 เกิดขึ้น แต่ทั้งนี้ในแต่ละปีจะเกิดขึ้นไม่เกิน 3 ครั้ง

 

อย่างไรก็ดี หมายเลข 13 ถือเป็นตัวเลขที่โชคร้าย มานานกว่าหลายศตวรรษแล้ว กฏหมายฮัมมูราบีของชาวบาบิลอนในสมัยโบราณไม่แสดงเลข 13 ดังนั้น ความเชื่อเกี่ยวกับเลข 13 อาจจะโยงไปได้ไกลถึง 1700 ก่อนคริสตกาลเลยทีเดียว ส่วนชาวอียิปต์โบราณถือว่าเลข 13 เป็นสัญลักษณ์แห่งความตาย

 

ขณะที่วันศุกร์ ถือว่าเป็นวันโชคร้ายของชาวคริสเตียนเช่นกัน โดยบางคนเชื่อว่า พระเยซูถูกตรึงกางเขนในวันศุกร์ ซึ่งบางความเชื่อก็ว่า วันศุกร์เป็นวันที่ อีฟชักจูงให้อดัมกินผลไม้ต้องห้ามในสวนอีเดน ชาวคริสเตียนเชื่อว่าเลข 13 เป็นตัวเลขแห่งความโชคร้าย เพราะลข 13 ไปคล้องกับจำนวนคน 13 คนที่รับประทานอาหารมื้อสุดท้ายกับพระเยซู โดยที่ความเชื่อดังกล่าว ผูกความเชื่อของความโชคร้ายของทั้งวันศุกร์และวันที่ 13 เข้าด้วยกันนั่นเอง

ทั้งนี้ ใน ค.ศ. 1881 มีองค์กรที่ชื่อว่า Thirteen Club พยายามที่จะแก้ไขชื่อเสียให้เลข 13 ในการประชุมครั้งแรก โดยที่สมาชิกทั้ง 13 คน ได้เดินผ่านใต้บันไดเพื่อเข้าไปยังห้องทีมีเกลือโปรยปรายไปทั่ว ซึ่งกลุ่มนี้มีอายุยืนยาวอยู่หลายปี และมีสมาชิกเพิ่มถึง 400 คน

 

อีกทั้งยังมีสมาชิกที่เป็นประธานาธิบดีถึงห้าคน ได้แก่ Chester Arthur, Grover Cleveland, Benjamin Harrison, William McKinley และ Heodore Roosevelt ถึงแม้ว่าองค์กรนี้จะพยายามเท่าไร แต่โรค triskaidekaphobia (โรคกลัวเลข 13) ก็ยังคงอยู่ โดยปัจจุบันนี้ ตึกสูงๆ ส่วนใหญ่ก็ยังไม่มีชั้น 13 อยู่ดี

 
ด้านเรื่องที่เลข 13 เกี่ยวข้องกับวันศุกร์อย่างไรนั้น เกิดขึ้นในช่วงศตรวรรษที่ 20 ใน ค.ศ.1907 โดยนักค้าหุ้นแห่งบอสตัน ชื่อ Thomas Lawson ได้ตีพิมพ์หนังสือที่ชื่อว่า Friday the Thirteenth ซึ่งเป็นเรื่องราวของนักธุรกิจที่ชั่วร้ายที่พยายามจะล้มตลาดหุ้นในวันที่โชคร้ายที่สุดของเดือน

 

เปิดประวัติศุกร์ 13 วันแห่งความโชคร้าย ความเชื่อ อาถรรพ์

โดยหนังสือเล่มนี้ขายดี สัปดาห์แรกขายได้ถึง 28,000 เล่ม ใน ค.ศ. 1916 หนังสือเรื่องนี้ก็ถูกทำเป็นหนังเงียบ ตลาดหุ้นที่วอลสตรีทยังคงถือเรื่อง วันศุกร์ที่ 13 จนกระทั่งปี 1925 หนังสือพิมพ์ New York Times บอกไว้ว่า ผู้คนจะไม่ซื้อหรือขายหุ้นในวัน "ศุกร์ 13"

 
หมายเลข 13 มีประวัติว่ามีความเกี่ยวข้องกับเรื่องโชคร้ายมายาวนาน เนื่องจากตามปฏิทินจันทรสุริยคติแล้ว ในบางปีต้องมีเดือน 13 เดือน ขณะที่ตามปฏิทินเกรกอเรียนและปฏิทินของศาสนาอิสลามจะมี 12 เดือนเสมอ
 

บางตำราเชื่อว่าอาถรรพ์ศุกร์ 13 มาจากตำนานของ เทพนอร์ส ที่อาศัยอยู่ในแถบสแกนดิเนเวีย เป็นเรื่องของเทพ 12 องค์ มารวมจัดงานเลี้ยงในห้องโถงเอกีร์ (เทพแห่งมหาสมุทร) แล้ว เทพแห่งไฟ โลกิ ซึ่งไม่ได้รับเชิญมาร่วมงาน จึงพังประตูรั้วเข้ามาในฐานะแขกคนที่ 13 และให้เทพฮอด (เทพแห่งความมืดมิด เพราะตาบอด) โยนกิ่งพืชกาฝากใส่บาลเดอร์ (เทพแห่งความสุขความยินดี) จนบาลเดอร์เสียชีวิตในที่สุด


เลข 13 ถือเป็นเลขแห่งความโชคร้าย ใครที่เกี่ยวข้องกับเลขนี้ก็เชื่อกันว่าจะมีแต่ความวิบัติในชีวิต ถือเป็นเลขที่สร้างความหวาดกลัวอย่างมาก จนมีคนคิดบัญญัติศัพท์เลยทีเดียว โดยเรียกคนที่หวาดกลัวอาถรรพ์ศุกร์ 13 ว่า Paraskevidekatriaphobia มาจากภาษากรีก 3 คำคือ วันศุกร์ (Paraskevi) สิบสาม (dekatreis) และความหวาดกลัว (Phobos)  ดร.โดนัลด์ ดอสซีย์ นักจิตวิทยาบำบัดที่ชำนาญด้านการรักษาอาการกลัวบอกว่า เฉพาะในสหรัฐฯ ประเทศเดียวมีคนเป็นโรคผวาศุกร์ที่ 13 เป็นจำนวนมากถึง 21 ล้านคน 

 

ในวันศุกร์ที่ 13 อเมริกาต้องสูญเสียทางเศรษฐกิจเป็นเงินเกือบพันล้านดอลลาร์สหรัฐ เนื่องจากประชาชนจำนวนหนึ่งไม่กล้าเดินทางไปไหน ไม่กล้าทำอะไรไม่กล้าแม้แต่จะไปทำงาน

      
เหตุผลที่วันศุกร์เป็นวันแห่งความโชคร้ายนั้น เพราะเชื่อกันว่านอกจากการที่พระเยซูถูกตรึงกางเขนในวันศุกร์แล้ว ตามตำรายังบอกว่า วันศุกร์เป็นวันที่ใช้ประหารนักโทษ อีกทั้งยังถือเป็นวัน Tip Top Day หรือว่า วันปีศาจ นั่นเอง ชาวประมงส่วนใหญ่จึงไม่นิยมออกทะเลในวันศุกร์กันเลยทีเดียว

 
เมืองไทยเองก็มีความเชื่อในเรื่องเลข 13 อยู่ไม่น้อย โดยจะสังเกตุได้ว่าอาคารสูงหลายแห่งไม่ว่าจะเป็นโรงแรม อาคารสำนักงาน หรือที่พักอาศัย จะไม่มีชั้นที่ 13 ในลิฟต์ไม่มีปุ่มให้กดชั้นที่ 13             

 
เรื่องร้ายๆ ที่เกิดขึ้นใน ศุกร์ 13
 

  • วันศุกร์ ที่ 13 ตุลาคม 1307 พระเจ้าฟิลิปที่ 4 แห่งฝรั่งเศสจับกุมตัวบรรดาอัศวินเทมพลาร์หลายร้อยคนไปทรมานและสังหาร เพื่อนำทรัพย์สินของพวกเขามาเป็นของฝรั่งเศส
  • วันศุกร์ ที่ 13 ปี ค.ศ. 1869 เกิดวิกฤติเศรษฐกิจครั้งใหญ่ในอเมริกา
  • วันศุกร์ ที่ 13 ปี ค.ศ.1929 ตลาดหุ้นอเมริกาล่ม
  • วันศุกร์ ที่ 13 ปี ค.ศ.1939 เกิดไฟไหม้ครั้งใหญ่ในออสเตรเลีย
  • วันศุกร์ ที่ 13 ปี ค.ศ.1945 เกิดสงครามทางอากาศครั้งสำคัญในนอร์เวย์
  • วันศุกร์ที่ 13 ปี ค.ศ. 1970 เกิดภัยพิบัติทางธรรมชาติ พายุกระหน่ำมายังประเทศบังคลาเทศมีผู้เสียชีวิตและทรัพย์สินจำนวนมาก
  • วันศุกร์ ที่ 13 ปี ค.ศ. 1978 เกิดการสังหารหมู่ในอิหร่าน 13 ศพ
  • วันศุกร์ ที่ 13 ปี ค.ศ. 1982 อาร์เจนติน่ายกกองกำลังยึดเกาะฟอร์คแลนด์ซึ่งเป็นอาณานิคมของอังกฤษ
  • วันศุกร์ ที่ 13 ปี ค.ศ. 1989 บริษัทคอมพิวเตอร์ IBM เสียหายอย่างหนักเพราะโดยไวรัสคอมพิวเตอร์โจมตีระบบ
  • วันศุกร์ ที่ 13 ตุลาคม ค.ศ. 2006 พายุหิมะชื่อ “Aphid” พัดถล่มเมืองบัฟฟาโล่ รัฐนิวยอร์ค
  • วันศุกร์ ที่ 13 เมษายน ค.ศ. 2007 เกิดทอร์นาโดหลายลูกพร้อมกันในทางเหนือของเท็กซัส

 

อย่างไรก็ดี ต้องเรียนว่าเรื่องทั้งหมดมีทั้งความเชื่อที่ปะปนอยู่กับความจริงจนไม่สามารถแยกออกจากกันได้ โดยที่หลายครั้งความเชื่อก็ทำให้เกิดอะไรขึ้นหลายอย่างที่คาดไม่ถึง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องอย่าให้ความเชื่อกลายเป็นความงมงายจนมีผลต่อการใช้ชีวิตตามปกติ