ถอดบทเรียน “โศกนาฏกรรมอิแทวอน” กับแผนจัดการฝูงชนแออัด Crowd Management

08 พ.ย. 2565 | 11:50 น.

ม.มหิดล ถอดบทเรียน “โศกนาฏกรรมอิแทวอน” แนะแผนจัดการฝูงชนแออัด Crowd Management รับมือเทศกาล อีเว้นต์ คอนเสิร์ตใหญ่

เหตุการณ์โศกนาฏกรรมอิแทวอน ในเกาหลีใต้ที่เป็นข่าวสะเทือนใจคนทั่วโลก น่าจะเป็นบทเรียนสำคัญ เมื่อสถานการณ์โควิดคลี่คลาย และปลดล็อกให้การจัดงานเทศกาลต่างๆ อีเว้นท์ใหญ่ เกิดขึ้นได้อีกครั้ง การเตรียมความพร้อมเพื่อป้องกันเหตุการณ์ซ้ำรอย น่าจะเป็นสิ่งสำคัญที่สุด

         

ผศ.ดร.วรากร  เจริญสุข  รักษาการหัวหน้าภาควิศวกรรมชีวการแพทย์  คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล เปิดเผยว่า การผ่อนคลายมาตรการไม่บังคับสวมหน้ากากอนามัยครั้งแรกหลังจากระยะ 2 ปีของวิกฤติโควิด-19  ในประเทศเกาหลีใต้ ทำให้ผู้คนกว่า 1 แสนคน ทะลักเข้าสู่ย่านอิแทวอน เพื่อร่วมฉลองเทศกาลฮาโลวีน กลายเป็นโศกนาฏกรรมที่นำมาซึ่งความสูญเสียครั้งใหญ่

ถอดบทเรียน “โศกนาฏกรรมอิแทวอน” กับแผนจัดการฝูงชนแออัด Crowd Management

เมื่อฝูงชนเบียดอัด หรือที่เรียกว่า Crowd Crush หรือ Crowd Surge บริเวณจุดที่เกิดเหตุที่สามแยกในซอยแคบซึ่งเป็นทางลาด กว้างเพียง 4 เมตร ยาว 40 เมตร ใกล้สถานีรถไฟใต้ดินอิแทวอน  แรงผลักดันของฝูงชนทำให้ผู้ประสบเหตุถูกเบียดอัดแขน ขา ร่างล็อคติดแน่นจากการล้มทับกันเป็นโดมิโน  เสียชีวิตกว่า 150 ราย จากภาวะขาดออกซิเจนโดยทรวงอกถูกกดทับ (Compressive Asphyxia) หรืออัดกำแพงทำให้ทรวงอกขยายไม่ได้จึงหายใจเข้าออกไม่ได้  ไม่ใช่การตายจากวิ่งหนีเหยียบทับกัน (Stampede)  การจัดการฝูงชน (Crowd Management) จึงเป็นสิ่งสำคัญ

 

ข้อแนะนำสำหรับผู้มางานอีเว้นท์ขนาดใหญ่

• สังเกตและจดจำทางเข้า-ออกมีกี่ทาง และจุดอื่นๆที่ช่วยเพิ่มโอกาสรอด  เช่น พื้นที่สูงที่สามารถปีนได้  นึกถึงความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้นในสภาพแวดล้อมนั้นเสมอ

• หากรู้สึกไม่ปลอดภัย ให้หาทางถอยออกจากเหตุการณ์นั้น  ไม่ดันทุรังเดินหน้าต่อ ซึ่งอาจจะทำให้ถลำและหนีออกมาไม่ได้

• เมื่อรู้สึกว่าคนเริ่มแน่น  จนเราไม่สามารถยกมือขึ้นจากข้างลำตัวมาแตะที่ใบหน้าเราเองได้ เป็นตัวบ่งชี้ว่าเสี่ยงที่จะเกิด Crowd Crushได้  ยิ่งหากมีการดันก็จะล้มทับต่อกันเป็นโดมิโนได้

• ให้มีสติเสมอ อย่าเมามายจนเกินไป และไม่ตื่นตระหนก

• ในฝูงชนที่เริ่มแน่น ให้ยืนแยกขาออกห่างอย่างมั่นคง ยกแขนขึ้นในท่าตั้งการ์ดของนักมวยเพื่อให้มีช่องว่างด้านข้างตัวและด้านหน้าทรวงอกป้องกันแรงปะทะ เพื่อให้กล้ามเนื้อกระบังลมและปอดยังทำงานได้

ถอดบทเรียน “โศกนาฏกรรมอิแทวอน” กับแผนจัดการฝูงชนแออัด Crowd Management

• เลี่ยงหิ้วของพะรุงพะรัง ในช่วงวิกฤติให้รักษาชีวิตสำคัญกว่าสิ่งของที่ตกพื้น หลีกเลี่ยงการเข้าใกล้บริเวณกำแพง รั้ว หรือเสา เพราะอาจโดนแรงอัดอย่างรุนแรงได้

• อย่าสวนแรงฝูงชนที่ถาโถม หรือพุ่งไปด้านหน้าตรงๆเพราะอาจถูกแรงกระทำให้ล้มได้  วิธีที่ถูกต้องคือ เคลื่อนที่เป็นแนวทแยงเฉียงออกจากศูนย์กลางของแรงไปด้านข้าง 

• เคลื่อนไหวและล้มให้ถูกวิธี เมื่อล้มลงอย่าแผ่ตัวนอนคว่ำ หรือนอนหงายเพราะน้ำหนักอีกหลายคนที่อาจจะทับตัวเราจะอัดอวัยวะร่างกายจนทำงานไม่ได้  โดยให้นอนตะแคงงอเข่าในท่าคุดคู้ มือป้องศีรษะให้ศอกกับเข่าติดกัน เพื่อป้องกันการกระแทกและยังพอมีช่องว่างให้หายใจ

 

ด้าน ดร.สุพรรณ ทิพย์ทิพากร หัวหน้าภาควิชาวิศวกรรมไฟฟ้า คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล  กล่าวว่า หลักการในการจัดการฝูงชน (Crowd Management) ตามมาตรฐานสากลของ National Fire Protection Association (NFPA)’s 101 Life Safety Code กำหนดนิยาม ‘ความหนาแน่นของสถานที่’ (Congestion) จะเกิดขึ้นเมื่อมีปริมาณคนตั้งแต่ 2 คนต่อตารางเมตร หากมีมากกว่า 6 คนต่อตารางเมตร ก็เสี่ยงที่จะเกิดฝูงชนเบียดอัด Crowd Crush ได้ดังในเหตุการณ์ที่อิแทวอน      

 

ดังนั้นผู้จัดงาน  หน่วยงานท้องถิ่น/ จังหวัดจะต้องมีการวางแผนปฏิบัติการ ร่วมกัน  กำหนดหน้าที่ให้ชัดเจนและวางบุคลากรเจ้าหน้าที่สำหรับอำนวยความสะดวกและควบคุมความสงบเรียบร้อยของฝูงชน (Crowd Manager) ในอัตราส่วน 250 คนต่อเจ้าหน้าที่ 1 นาย หรือกรณีผู้มางานกว่า  100,000 คนในงาน จะต้องมีเจ้าหน้าที่อย่างน้อย 400 คน แต่ช่วงเกิดเหตุในอิแทวอน คืนนั้นมีตำรวจเพียง 137 นาย ซึ่งมุ่งระวังเพียงปัญหาอาชญากรรม และยาเสพติด โดยไม่ได้เตรียมพร้อมการควบคุมฝูงชน หรือจำกัดจำนวนและทิศทางคนที่จะเข้าไปยังจุดเสี่ยงแต่อย่างใด

ถอดบทเรียน “โศกนาฏกรรมอิแทวอน” กับแผนจัดการฝูงชนแออัด Crowd Management

ข้อแนะนำแก่ผู้จัดงาน ควรเตรียมความพร้อม ดังนี้

1. การประเมินความเสี่ยง (Risk Assessment) ก่อนงานต้องมีการวิเคราะห์คาดการณ์เพื่อเตรียมงานล่วงหน้า สำรวจภูมิทัศน์และจุดที่อาจเกิดความเสี่ยงของอุบัติเหตุ, การเตรียมทางเข้า-ออกหลักและทางออกฉุกเฉิน, การติดตั้งป้ายสัญญาณภาษาต่างๆ, การให้ความรู้เรื่องการ CPR ที่ถูกต้อง, การเตรียมเจ้าหน้าที่คอยควบคุมจำนวนคนที่บริเวณจุดเสี่ยง ซึ่งสามารถประเมินจากข้อมูลในอดีตโดยอาจบวกเพิ่มเนื่องจากสถานการณ์โควิดเริ่มผ่อนคลาย

 

2. แผนรับมือเหตุฉุกเฉิน (Emergency Plan) เหตุฉุกเฉินต้องมีแผนรองรับและไม่ให้คนในฝูงชนเกิดแตกตื่นโกลาหล, การแจ้งเตือนเช่น Line Alert เตือนเหตุหรือข่าวสารฉุกเฉินเพื่อประชาชนรับทราบอย่างทันท่วงที  ไม่เดินไปยังจุดที่เสี่ยง การแจ้งเตือนไม่ให้คนที่มาใหม่เข้าไปเติมอีก เพื่อลดความหนาแน่น

 

3. เลือกใช้เทคโนโลยีในการจัดการฝูงชน Crowd Management อย่างเหมาะสม ทั้งระบบ Security และ Monitor เชื่อมโยงกับอุปกรณ์ IoT ระแวดระวังเหตุ เช่น ให้ผู้มาร่วมงานดาวน์โหลด Application ของงานหรือลงทะเบียนทราบประวัติสุขภาพของแต่ละคนล่วงหน้า, การจัดที่นั่งแบบระบุหมายเลขและโซน จะลดการวิ่งกรูของฝูงชนเข้าเพื่อแย่งชิงที่นั่งดีๆ ซึ่งอาจเกิดอุบัติเหตุได้

 

การผูก tag/RFID ที่ข้อมือทุกคนที่เข้าร่วมงานเพื่อสามารถระบุตำแหน่ง และสามารถวัดปริมาณความหนาแน่นของแต่ละพื้นที่ไม่ให้เกินจุดปลอดภัย, การตรวจว่าจุดใดมีคนหนาแน่นเกินขีดอันตรายอาจตรวจสอบได้จากข้อมูลเครือข่ายมือถือ คล้ายการดูข้อมูลรถติดจาก Google Map ประชาชนมักมี Smart Phone ติดตัว ในงานอีเว้นท์ซึ่งไม่มีเจ้าภาพ ทางท้องถิ่นหรือจังหวัดอาจใช้ Application ของท้องถิ่นนั้นให้ข้อมูลของอีเว้นท์ แจ้งแผนที่ที่คนแน่นเกินขีดจำกัด, การแสดงภาพ CCTV, ภาพจากโดรน แบบ Real-Time บริเวณงานและวิเคราะห์จุดเสี่ยง

 

4. ควรจัดตั้งศูนย์บัญชาการเหตุฉุกเฉิน (Emergency/Safety Commander) จากทีมที่มีประสบการณ์ มีความรู้ มีอำนาจเต็มในการควบคุมสถานการณ์ฉุกเฉินเพื่อความปลอดภัย จะทำให้เกิดการประสานงานและทำงานที่ถูกหลักวิชาการ การรอเจ้าหน้าที่รายงานขึ้นไปเพื่อให้นายกหรือผู้ว่าราชการจังหวัดสั่งการลงมาอาจไม่ทันการณ์และอาจไม่มีความรู้ประสบการณ์ในการควบคุมสถานการณ์เพื่อความปลอดภัยที่ถูกต้อง

 

5. เตรียมความพร้อมของหน่วยรถพยาบาล เครื่องมือแพทย์ เครื่องมือดับเพลิง เจ้าหน้าที่คอยควบคุม และประสานงานระหว่างประชาชน สมาคม หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อความปลอดภัย ลดต้นเหตุของอุบัติภัย ที่นำมาซึ่งความสูญเสียที่เรียกคืนมาไม่ได้