ฟันอัยการอุ้ม บริษัทญาติเจ้าสัวเปรมชัย รุกป่า 6,200 ไร่

03 ม.ค. 2567 | 14:53 น.
อัปเดตล่าสุด :05 ม.ค. 2567 | 06:16 น.

คณะตรวจสอบเสนออัยการสูงสุด เร่งลงโทษทางวินัย อย่างร้ายแรง อัยการระดับสูง สั่งไม่ฟ้อง บริษัทญาติเจ้าสัวเปรมชัย "ซี.พี.เค. อินเตอร์เนชั่นแนล" คดีรุกป่า 6,200 ไร่

รายงานข่าวจากสำนักงานอัยการสูงสุด เปิดเผยกับสำนักข่าวอิศราว่า คณะทำงานตรวจสอบข้อเท็จจริงในคดีคำสั่งเด็ดขาดไม่ฟ้อง บริษัท ซี.พี.เค. อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด กับพวก บุกรุกยึดครองหรือทำประโยชน์ในอุทยานแห่งชาติและป่าสงวนฯกว่า 6,200 ไร่ ใน อ.ภูเรือ จ.เลย  ได้สรุปผลการตรวจสอบ พบว่าการสั่งไม่ฟ้องในคดีดังกล่าวเป็นไปโดยไม่ชอบ ไม่ได้พิจารณาหลักฐานอย่างรอบคอบ ไม่เป็นไปตามระเบียบของสำนักงานอัยการสูงสุด ได้สร้างความเสียหายร้ายแรงกับราชการและทรัพยากรธรรมชาติ

คณะทำงานตรวจสอบข้อเท็จจริง เห็นว่า หลังจากที่มีคำสั่งเด็ดขาดไม่ฟ้องผู้ต้องหา ทำให้กลุ่มผู้ต้องหายังไม่ได้ออกจากพื้นที่ที่ครอบครองอยู่ในปัจจุบัน ทั้งที่กรมที่ดินและศาลปกครองเคยมีคำพิพากษาให้เพิกถอน นส.3 ดังกล่าวแล้ว สร้างความเสียหายให้กับต้นน้ำและระบบนิเวศน์รวมทั้งทรัพยากรธรรมชาติอย่างร้ายแรง

นายศักดา ช่วงรังษี อดีตรองอัยการสูงสุด หัวหน้าคณะทำงานตรวจสอบ จึงได้เสนอความเห็นต่อนายอำนาจ เจตน์เจริญรักษ์ อัยการสูงสุดคนปัจจุบัน ให้ดำเนินการลงโทษทางวินัย อย่างร้ายแรงกับอัยการระดับสูงที่เกี่ยวข้องกับการสั่งไม่ฟ้อง โดยแบ่งเป็น 2 กลุ่ม

กลุ่มแรก คือ อัยการที่เกี่ยวข้องกับการสั่งไม่ฟ้องโดยตรง มีจำนวน 4 คน ตั้งแต่ระดับอัยการผู้เชี่ยวชาญพิเศษ จนถึงระดับอธิบดีอัยการ รวมถึงผู้บริหารระดับสูงของสำนักงานอัยการสูงสุด

กลุ่มที่สอง คือ อัยการที่มีหน้าที่ในการกำกับดูแลและตรวจสอบการสั่งคดี แต่ไม่ดำเนินการอย่างรอบคอบ มีจำนวน 2 คน เป็นระดับรองอธิบดีอัยการและอธิบดีอัยการ ปัจจุบันเป็นอัยการอาวุโส

นอกจากนั้นคณะทำงานยังเสนอให้นายอำนาจ เจตน์เจริญรักษ์ อัยการสูงสุด รื้อฟื้นคดีขึ้นมาสั่งฟ้องผู้ต้องหา เนื่องจากในการตรวจสอบของคณะทำงานได้ตรวจพบพยานหลักฐานใหม่ เกี่ยวกับการกว้านซื้อที่ดินจากราษฎร ซึ่งพบว่าผู้ที่กว้านซื้อนั้น เคยเป็นลูกจ้างของบริษัท ซี.พี.เค อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด 

โดยคณะทำงานเสนอให้อัยการสูงสุดและคณะกรรมการอัยการเร่งสอบสวนทางวินัยอัยการที่เกี่ยวข้องในการสั่งไม่ฟ้องอย่างเร่งด่วน เนื่องจากมีอัยการระดับสูงบางรายลาออกจากราชการไปแล้ว ถ้าหากสอบสวนชักช้าไม่ทันตามที่กฎหมายกำหนด คือตั้งกรรมการสอบสวนไม่ทันภายใน 180 วัน หรือสอบสวนไม่เสร็จภายใน 360 วัน จะทำให้ไม่สามารถดำเนินการทางวินัยกับอัยการเหล่านั้นได้

อย่างไรก็ตาม ทางคณะทำงานเห็นว่า การกระทำของอัยการเหล่านั้นอาจจะเข้าข่ายการกระทำผิดทางอาญา ฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่หรือปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 ด้วย

แหล่งข่าวกล่าวว่า หลังจากนายอำนาจ เจตน์เจริญรักษ์ ได้รับรายงานการตรวจสอบของคณะทำงานชุดนี้แล้ว ได้ส่งรายงานการตรวจสอบให้สำนักงานวิชาการ สำนักงานอัยการสูงสุด ไปพิจารณาและให้มีการทำความเห็นเสนอต่ออัยการสูงสุดตามขั้นตอนโดยเร็ว

ทั้งนี้ สืบเนื่องจาก เมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม 2561 ได้มีคดีร้องเรียนว่ามีผู้บุกรุกพื้นที่ป่า อ.ภูเรือ และ อ.ด่านซ้าย จ. เลย จากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ฝ่ายความมั่นคงทหาร และฝ่ายปกครอง กรมป่าไม้ ตรวจสอบพบว่ามีการบุกรุกพื้นที่ป่ารวม 6 คดี โดยบริษัท ซี.พี.เค.อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด รวมพื้นที่เสียหายกว่า 6,801 ไร่ มูลค่าความเสียหายประมาณ 680 ล้านบาท

มีผู้ต้องหา 3 คนคือ นางพิไลจิตร เริงพิทยา ,นางนิจพร จรณะจิตต์ และนางอรเอม เทิดประวัติ กรรมการบริษัท ซี.พี.เค.อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด พี่น้องของนายเปรมชัย กรรณสูต ประธานบริหาร บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) 

 

ที่มา : สำนักข่าวอิศรา