เปิดประวัติ อธิบดีกรมอุทยานฯ ผู้ถูก ปปป.บุกรวบฐานทุจริต

นาย รัชฎา สุริยกุล ณ อยุธยา เป็นน้องชายคนเล็ก ของ พล.อ.ยุวนัฏ สุริยกุล ณ อยุธยา (เพื่อนร่วมรุ่น เตรียมทหารรุ่น 12 ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม)

ประวัติการศึกษา

• ปริญญาตรี จากคณะวิทยาศาสตร์บัณฑิต (วนศาสตร์) มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ 
• ปริญญาโท คณะศิลปะศาสตร์ มหาบัณฑิต (รัฐศาสตร์) มหาวิทยาลัยรามคำแหง

ประวัติการทำงาน

• ผู้อำนวยการสำนักอุทยานแห่งชาติ 
• รองอธิบดี กรมป่าไม้
• ผู้ตรวจราชการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
• รองปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ดำรงตำแหน่ง วันที่ 8 ตุลาคม 2558
• อธิบดีกรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม 30 กันยายน 2560 – 30 กันยายน 2563
• อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช  28 กุมภาพันธ์ 2565

โดยก่อนหน้านี้ การขึ้นสู่ตำแหน่งอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช หลังจากไม่มีการเปลี่ยนแปลงนานถึง 8ปี ว่ากันว่า เป็นศึกระหว่าง วนศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ รุ่นที่ 47 และรุ่น 46 ซึ่งล้วนมีสายสัมพันธ์กับอธิบดีฯคนเก่าทั้งสิ้น 

นายรัชฎา เคยได้ให้สัมภาษณ์ในห้วงเวลาดังกล่าว ไว้ว่า “เป็นเรื่องปกติ ที่เราต้องให้คนที่เราไว้ใจมาทำงาน” ตนเองเคยเป็นอธิบดี กรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อมก็จริง แต่ก่อนหน้าก็เคยเป็น ผู้อำนวยการสำนักอุทยาน และ ผู้อำนวยการสำนักอนุรักษ์สัตว์ป่ามาก่อน ตนจึงถือเป็นลูกหม้อของกรมอุทยานฯคนหนึ่ง

ส่วนที่กรณี วนศาสตร์รุ่น 47 กับรุ่น 46 ไม่ค่อยถูกกันนั้น เจ้าตัวยืนยันว่า ไม่มีปัญหาอะไรกับใครทั้งสิ้น เมื่อเข้ามาทำงานก็ทำงานได้กับทุกคน โดยไม่มีความกังวลใจ กับตำแหน่งที่ได้รับ เชื่อว่าปัญหาทุกอย่างมีทางออก

พร้อมรับรองว่า จะไม่มีการปลดใครออก ในส่วนของพนักงานพิทักษ์ป่า แต่จะจ้างเพิ่มเนื่องจาก ได้งบกลางของปี 2565 มาเพิ่มถึง 251 ล้านบาท ส่วนจะการโยกย้ายตำแหน่งหัวหน้าอุทยานนั้น นายรัชฎากล่าวว่า “การปรับเปลี่ยนทำได้ตลอดเวลา ไม่มีใครอยู่ที่ไหนได้ถาวร ขึ้นอยู่กับความเหมาะสม”

สำหรับการจับกุม รัชฎา สุริยกุล ณ อยุธยา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ในครั้งนี้นั้น สืบเนื่องจากนายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร อดีตหัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน จ.เพชรบุรี ได้แจ้งเอาผิด ต่อ พนักงานสอบสวน บก.ปปป.

เนื่องจากพบว่า นายรัชฎา มีพฤติกรรม กลั่นแกล้งโยกย้ายตำแหน่งเจ้าหน้าที่ ไปยังพื้นที่ห่างไกลจากภูมิลำเนา หรือที่พักอาศัย หากไม่ยอมจ่ายเงินวิ่งเต้น จำนวน 500,000 บาท

เป็นการใช้อำนาจหน้าที่ในทางไม่เหมาะสม  อีกทั้ง ยังมีพฤติกรรมเรียกเก็บเงินจากหัวหน้าหน่วยงานภาคสนาม จากหน่วยงานที่ได้รับจัดสรรงบประมาณ เช่น อุทยานแห่งชาติ, เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า