“โควิด”ขาลง เศรษฐกิจขาขึ้น?

03 ต.ค. 2564 | 11:30 น.

คอลัมน์ฐานโซไซตี โดย... ว.เชิงดอย

+++ สถานการณ์โควิด-19 สำหรับประเทศไทย เมื่อวันที่ 29 ก.ย. 64 ศบค.รายงานว่า พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 10,414 ราย รักษาหายเพิ่มขึ้น 11,580 ราย หายป่วยสะสม 1,459,786 ราย (ตั้งแต่ปี 2563) อยู่ระหว่างรักษาตัว 115,423 ราย แบ่งเป็นในโรงพยาบาล 35,628 ราย โรงพยาบาลสนามและอื่นๆ 79,795 ราย ในจำนวนนี้มีอาการหนัก (ปอดอักเสบ) 3,232 ราย ต้องใส่เครื่องช่วยหายใจ 729 ราย มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม 122 ศพ ยอดผู้เสียชีวิตสะสม 16,620 ศพ (ตั้งแต่ปี 2563) ยอดผู้ป่วยยืนยันสะสมตั้งแต่ปี 2563 จำนวน 1,591,829 ราย ประเทศไทยเป็นอันดับที่ 28 ของโลก
 

+++ นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข บอกถึงสถานการณ์โควิด-19 ของประเทศไทยว่า ขณะนี้กำลังอยู่ในช่วง “ขาลง” เป็นผลมาจากมาตรการ “ล็อกดาวน์” สัดส่วนผู้ป่วยหนัก และผู้ป่วยใส่ท่อช่วยหายใจลดลงตามลำดับ หลังตัวเลขก่อนหน้านี้อยู่รที่ 4- 5 พันรายต่อวันล่าสุดอยู่ที่ประมาณ 3 พันรายต่อวัน มีการประมาณการณ์ว่า จะมีผู้ติดเชื้อราวๆ 5 พันรายต่อวันก่อนสิ้นต.ค.นี้
 

นี่เป็นการประเมินตามหลักคณิตศาสตร์ แต่ยังมีหลายปัจจัยอื่นๆ ที่จะทำให้มีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นได้ คือ การติดเชื้อเป็นกลุ่มก้อน (คลัสเตอร์) และเชื้อไวรัสกลายพันธุ์ และมีการประเมินฉากทัศน์ว่าจะกระดกขึ้นหลังเดือน ต.ค. เพราะหมดแรงเหวี่ยงของช่วยล็อกดาวน์ ดังนั้น ยังต้องทำให้การพยากรณ์นี้ไม่เป็นจริง การติดเชื้อไม่เหวี่ยงขึ้นโดยสิ่งที่เราต้องทำไม่ว่าจะเรื่องการ์ดในการป้องกันตัวเอง เรื่องการตรวจ ATK ก็ดี มาตรการโควิด ฟรี เซ็ตติ้งก็ดี คาดว่าน่าจะกดการติดเชื้อลงได้
 

+++ “หมอเกียรติภูมิ” บอกว่า ถ้าถามว่าก่อนหน้านี้ก็ทำแต่ทำไมไม่ลดลง ก็ต้องบอกว่าตอนนี้บริบทเปลี่ยนไปแล้ว 2 เดือนก่อนการติดเชื้อไม่ลดลง เพราะการครอบคลุมวัคซีนเราต่ำกำลังเลยไม่เสริมกัน แต่วันนี้อัตราการฉีดวัคซีนของไทยมีความครอบคลุมสูงขึ้น วัคซีนไทยเริ่มที่ 11% อัตราการป่วยหนักก็เริ่มลดลง ซึ่งตอนนี้คนไทยเกือบ 50 % ได้รับวัคซีนแล้วอย่างน้อย 1 เข็ม
 

ส่วนเข็ม 2 ฉีดแล้วครึ่งหนึ่งของคนฉีดเข็ม 1 คาดว่าภายในสิ้นต.ค.นี้ สัดส่วนการฉีดวัคซีนเข็ม 1 กับ 60% เข็ม 2 อยู่ที่ 50% แล้วถ้าสิ้นธ.ค. ตามเป้าหมายการฉีดคือเข็ม 1 จำนวน 80 % และเข็ม 2 จำนวน 70% เท่ากับอารยประเทศ เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ คาดว่าต้นปีหน้า ราวๆ มี.ค. 2565 โรคน่าจะสงบพอสมควร ใกล้ภาวะปกติ แต่ประชาชนจะต้องสวมหน้ากากอนามัยต่อไปอีกระยะ
 

+++ สถานการณ์โควิดที่ดีขึ้นของประเทศไทย ทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ประกาศจะเปิดประเทศบางส่วนภายใน 120 วัน หรือ กลางเดือนต.ค.นี้ และจะเปิดประเทศเต็มรูปแบบตั้งแต่ 1 พ.ย. 2564 ขณะที่ล่าสุด ศบค.ก็ได้เห็นชอบให้ 9 กิจกรรม/กิจการในพื้นที่สีแดงเข้ม 29 จังหวัดสามารถผ่อนคลายการเปิดให้บริการและขยายเวลาการเปิด-ปิดได้มากขึ้น 
 

+++ สุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย บอกว่า การที่ ศบค. มีคำสั่งให้ผ่อนคลาย 9 กิจกรรม-กิจการสามารถเปิดให้บริการได้ก่อน และขยายเวลาการเปิดได้มากขึ้น เริ่มตั้งแต่ 1 ต.ค.นี้ ก็ถือเป็นการส่งสัญญาณที่ดี การเปิดประเทศนอกจากจะส่งผลดีต่อภาคการท่องเที่ยว และบริการที่เกี่ยวเนื่องจะกลับมาฟื้นตัวแล้ว จะส่งผลให้ต่างชาติเข้ามาดูลู่ทางการลงทุนจากสถานที่จริงได้เร็วขึ้น ง่ายขึ้น โดยเฉพาะการลงทุนจากจีน รวมถึงประเทศต่างๆ ที่เคยลงทุนในจีน และมีปัญหาในการส่งออกจากจีนไปสหรัฐฯ จากผลกระทบสงครามการค้ากับสหรัฐฯ จะมาลงทุนในอาเซียน ซึ่งรวมถึงไทยมากขึ้น
 

+++ ด้าน วรลักษณ์ ตุลาภรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มการตลาด บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด บอกว่า หากรัฐบาลเปิดประเทศได้ในวันที่ 1 พ.ย. ตามที่วางแผนไว้ เชื่อว่าจะส่งผลดีต่อภาคเศรษฐกิจ เพราะหลายธุรกิจ โดยเฉพาะอุตสาหกรรมบริการ ไม่ว่าจะเป็นโรงแรม ร้านอาหาร สายการบิน รวมถึงห้างสรรพสินค้าและศูนย์การค้าในเมือง ที่มีกลุ่มเป้าหมายเป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติจะกลับมาคึกคักขึ้น การเปิดประเทศจะทำให้ภาคเศรษฐกิจกลับมาคึกคัก จากการใช้จ่ายที่เกิดขึ้น
 

ขณะเดียวกันภาครัฐต้องมีมาตรการออกมากระตุ้นหรือเรียกว่าปลุกมู้ด สร้างบรรยายกาศให้เกิดการใช้จ่าย ซึ่งจะทำให้ไตรมาส 4 กลับมาเป็นบวก เพราะหากไม่ทำอะไรเลย ทุกอย่างก็จะทรงตัว เพราะวันนี้ปัจจัยลบไม่ได้มีเฉพาะโควิด แต่ยังมีสถานการณ์น้ำท่วม ที่ส่งผลกระทบต่อประชาชนและธุรกิจด้วย
 

+++ หันไปดูเกี่ยวกับเรื่อง “กัญชง” ซึ่งคุณประโยชน์ที่อยู่ในสาร CBD ซึ่งสกัดได้จากกัญชงสายพันธุ์  Raksa นำไปสู่อุตสาหกรรมเครื่องสำอาง คริส-กฤษณ์ ธีรเกาศัลย์ กรรมการผู้จัดการและผู้ร่วมก่อตั้ง GTG ให้ข้อมูลอย่างละเอียด ร่วมด้วย ภญ.ดร.พรวนิช เจริญพุทธคุณ (ดร.กิ่ง) ซึ่งเป็น Health Creator ผู้เชี่ยวชาญด้านกัญชาและเครื่องสำอางจากบริษัท ZEN Innovation Group ว่า กัญชงสายพันธุ์  Raksa เกิดจากการศึกษาร่วมกันของ บริษัท โกลเด้น ไทรแองเกิ้ล กรุ๊ป จำกัด หรือ GTG และมหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย (CRRU) ที่นำเข้าสายพันธุ์กัญชงแล้วนำมาวิจัยพัฒนาจนได้ต้นสุดยอดแม่พันธุ์ Raksa
 

มีจุดเด่นคือความเข้มข้นของสาร CBD ในดอกแห้งเฉลี่ยทั้งต้น สูงถึง 18% และมีสาร THC ต่ำกว่า 1% ด้วยกระบวนการปลูกที่ควบคุมดูแลอย่างมีมาตรฐาน มั่นใจได้ว่าสาร CBD ที่สกัดได้จาก Raksa มีคุณภาพสูง นำไปใช้ในอุตสาหกรรมทางการแพทย์ หรืออุตสาหกรรมเครื่องสำอาง-เวชสำอางได้อย่างมีประสิทธิภาพ และด้วยความพร้อมทุกด้าน GTG จึงควงแขน ZEN Innovation Group พัฒนาวิจัยผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางต้นแบบที่ได้สาร CBD จากต้นแม่พันธุ์ Raksa กันมานานกว่า 10 เดือน เพื่อคิดค้นสูตรของผลิตภัณฑ์ต่างๆ ที่มีคุณประโยชน์ สร้างนวัตกรรมใหม่ๆ จะทำให้สามารถแข่งขันได้ในท้องตลาดและตลาดโลก และ GTG มีเป้าหมายช่วยเสริมให้ลูกค้าเจ้าของแบรนด์หรือผู้ประกอบการ สามารถขยายช่องทางธุรกิจได้จากการใช้ผลิตภัณฑ์ตั้งต้นดังกล่าว ใครสนใจ GTG พร้อมให้คำปรึกษา...
 

+++ เปิดตัวไปแล้ว เมื่อ 30 ก.ย.64 ที่ผ่านมา สำหรับการจัดงานเปิดตัว Thailand Sustainability Expo 2021 (TSX 2021) ปีที่ 2 ณ ชั้น 10  ศูนย์ C asean อาคาร CW tower ถนนรัชดาภิเษก โดยมี ฐาปน สิริวัฒนภักดี ก.ก.ผอ.ใหญ่ บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน)  พร้อมด้วย ธีรพงศ์ จันศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) และ ดร.คงกระพัน อินทรแจ้ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) ร่วมด้วยองค์กรต้นแบบด้านความยั่งยืนพันธมิตรทุกภาคส่วน ร่วมเป็นประธานเปิดงาน สำหรับงาน Thailand Sustainability Expo 2021 (TSX 2021) ภายใต้แนวคิด “พอเพียง ยั่งยืน เพื่อโลก”
 

ในงานพบกับ 30 สุดยอดนวัตกรรมเพื่อความยั่งยืนระดับโลก 50 สุดยอดวิทยากรลงมือทำจริง เป็นนวัตกรตัวจริงเสนอแนวคิดเพื่อโลก และเอาใจ 100 ร้านค้าสายกรีนและธุรกิจเพื่อสังคม นอกจากนี้ยังมีนิทรรศการผลงานศิลปะจากศิลปินไทย และ ต่างชาติ ร่วมสนุกกับเกมสะสมคะแนน Shaper Points เพื่อแลกรับของที่ระลึกสำหรับผู้สะสมคะแนนได้สูงสุด 10 อันดับแรก มีสิทธิ์รับ iPad Mini 6 และรางวัลอื่น ๆ มูลค่ารวม 1.4 ล้านบาท งานมีถึง 10 ต.ค.นี้ เข้าฟรี!!! ทางออนไลน์ ไม่มีค่าใช้จ่าย คลิกได้ที่ https://tsx2021.thailandsustainabilityexpo.com/ 
 

+++ ไปปิดท้ายกันที่การช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) ร่วมกับ มูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ยามยาก สภากาชาดไทย ขอเชิญชวนร่วมสมทบทุนในการจัดทำถุงยังชีพฯ จัดตั้งโรงครัวฯ และฟื้นฟูพื้นที่ประสบอุทกภัย เพื่อช่วยเหลือเยียวยาผู้ประสบภัยน้ำท่วม ผ่านบัญชีธนาคารกรุงศรีอยุธยา กระแสรายวัน เลขที่บัญชี 114-0-06877-9 ทุกการบริจาคของท่านสามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้ 1 เท่า โดยส่งหลักฐานการบริจาคพร้อมชื่อ-นามสกุล ที่อยู่และหมายเลขโทรศัพท์ ผ่านช่องทาง e-mail : [email protected] ติดต่อสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ มูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ยามยาก สภากาชาดไทย โทร. 0- 2054-6546