แนะกสทช.ชุดใหม่รื้อ“กองทุน USO” ลดค่าธรรมเนียมตามภาวะเศรษฐกิจ

01 ต.ค. 2564 | 07:56 น.

วงการสื่อสารโทรคมนาคมแนะ กสทช.ชุดใหม่ เร่งสางปัญหา”กองทุน USO ให้สอดคล้องภารกิจ ทบทวนอัตราจัดเก็บค่าธรรมเนียมเข้ากองทุน ให้สอดรับกับภาวะเศรษฐกิจ เพิ่มโอกาสโอเปอเรเตอร์ลงทุนขยายโครงข่ายอย่างเต็มกำลังความสามารถ

คณะกรรมการบริหารกองทุนวิจัยและพัฒนากิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และโทรคมนาคมเพื่อประโยชน์สาธารณะ หรือ “กองทุน USO” ใน กสทช.เตรียมทบทวนแผนการดำเนินการกองทุน ฉบับที่ 3 จะใช้ในช่วงปี 2565-69 โดยมีการคาดการณ์กันว่า คณะกรรมการบริหารกองทุน จะมีการทบทวนและปรับลดค่าธรรมเนียมที่เรียกเก็บจากผู้ประกอบการโทรคมนาคมที่ได้รับใบอนุญาตจาก กสทช.ลงมา เพื่อลดแรงกดดันจากสังคมในสภาพเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ในปัจจุบัน

แหล่งข่าวในวงการโทรคมนาคม เปิดเผยว่า ความหวังของประชาชนในเวลานี้ จึงอยู่ที่ กสทช.ชุดใหม่ที่วุฒิสภากำลังอยู่ระหว่างสรรหาและแต่งตั้งจะได้เข้ามาปรับปรุงแก้ไข สะสางปัญหาที่มีอยู่ เพื่อให้ค่าธรรมเนียม USO ซึ่งเป็นเม็ดเงินที่มาจากประชาชน ในการใช้บริการโทรคมนาคม ถูกนำมาใช้อย่างคุ้มค่า เพื่อประโยชน์ของประชาชนผู้ด้อยโอกาสในการเข้าถึงบริการโทรคมนาคมอย่างแท้จริง

ทั้งนี้ ที่ผ่านมากองทุน USO ถูกวิพากษ์วิจารณ์มาโดยตลอดว่ามีการใช้งบไม่ค่อยมีประสิทธิภาพ และปราศจากการตรวจสอบ สร้างภาระแก่ผู้ประกอบการ แต่ กสทช.อ้างว่า กองทุนฯ ยังคงมีภารกิจที่ต้องลงทุนขยายโครงข่ายโทรศัพท์ และบริการโทรคมนาคมในพื้นที่ห่างไกล จึงมีการผลักดันโครงการต่าง ๆ ออกมาอย่างต่อเนื่อง บางโครงการมีการลงทุนซ้ำซ้อนกับหน่วยงานอื่น ๆ ที่ให้บริการอยู่แล้ว

อย่างโครงการให้บริการสัญญาณโทรศัพท์เคลื่อนที่ในพื้นที่ชายขอบ 1,890 หมู่บ้าน หรือโครงการให้บริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง 3,912 หมู่บ้าน ,โครงการศูนย์ USO Net และ โครงการพัฒนาทักษะ ICT ให้กับประชาชน ซึ่งแต่ละโครงการที่ดำเนินการไป สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน( สตง.) ที่ลงไปตรวจสอบเคยมีรายงานว่า เต็มไปด้วยปัญหาไม่สามารถติดตั้งอุปกรณ์ให้แล้วเสร็จตามกำหนด  และไม่สามารถควบคุมดูแลการปฏิบัติงานของผู้ให้บริการให้เป็นไปตามแผนดำเนินงาน หลายโครงการติดตั้งล่าช้าเป็นปี

รวมทถึงบริการโครงข่ายอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง (OLT) บริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงสาธารณะ Wi-Fi หมู่บ้าน, บริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงสำหรับหน่วยงานของรัฐในรูปแบบ Wi-Fi โรงเรียน และ โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล และ ศูนย์อินเทอร์เน็ต (Uso Net) ภายในโรงเรียน ก็เต็มไปด้วยปัญหา การให้บริการไม่สอดคล้องกับสภาพความจำเป็นภายในหมู่บ้าน หรือหมู่บ้านส่วนใหญ่ต่างมีบริการอินเทอร์เน็ตของเอกชนเข้าถึงพื้นที่อยู่แล้ว

นอกจากนี้ สตง.เห็นว่า กองทุน USO ควรปรับปรุงโครงการที่ดำเนินการไปให้มีความชัดเจนและเหมาะสมอย่างเป็นรูปธรรมกว่านี้ เพราะบางโครงการซํ้าซ้อนกับหน่วยงานอื่น อย่างกระทรวงศึกษาที่มีงบสนับสนุนบริการอินเทอร์เน็ต พร้อมจัดเครื่องคอมพิวเตอร์เพื่อการเรียนการสอนให้กับนักเรียนภายในโรงเรียนอยู่แล้ว  หรือบางโครงการไปติดตั้งอุปกรณ์ให้บริการสัญญาณโทรศัพท์ ในบริเวณริมถนนที่ไม่มีบ้านเรือนตั้งอาศัยอยู่ หรือพื้นที่โดยรอบจุดติดตั้งเป็นพื้นที่เกษตรกรรม เป็นต้น

 แหล่งข่าวกล่าวอีกว่า ในภาวะปัจจุบันผู้ประกอบการประสบปัญหากับวิกฤตเศรษฐกิจ ประกอบกับบทบาทและภารกิจหลักของกองทุนที่ได้ดำเนินการไปก่อนหน้า ยังมีหลายโครงการที่กองทุนจำเป็นต้องสะสางงานเป็นจำนวนมาก  ขณะที่ภาระกิจหลักที่กองทุนจะต้องดำเนินการก็ลดน้อยลง หรือแทบไม่หลงเหลือกิจกรรมอื่นให้ดำเนินการแล้ว จึงไม่สมควรที่จะสร้างภาระใหม่ทับถมปัญหาเดิมจนกลายเป็นดินพอกหางหมู ทุกฝ่ายจึงเห็นว่า กสทช.น่าจะได้ทบทวนบทบาทของกองทุน USO ทบทวนแผนกองทุนฉบับที่ 3 ที่จะนำมาใช้ในช่วงปี 2565-69  นี้ให้มีความสอดคล้องกับยุคสมัย

ทั้งนี้ กองทุนควรทบทวนการนำงบประมาณการสร้างศูนย์ USO Net และการใช้งบประมาณจำนวนมากเกินเหตุในการพัฒนาทักษะด้าน ICT กับประชาชน  รวมทั้งทบทวนอัตราค่าธรรมเนียมจัดเก็บเข้ากองทุน ให้เกิดความเหมาะสมสอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน  โดยควรลดอัตราจัดเก็บค่าธรรมเนียมให้สอดคล้องกับภารกิจที่เหลืออยู่เท่านั้น เพื่อให้โอเปอเรเตอร์สามารถลงทุนขยายโครงข่ายอย่างเต็มกำลังความสามารถ หรือสร้างประโยชน์ด้านอื่นๆ ที่จะช่วยเหลือประชาชนได้อย่างแท้จริง

“ ตลอด 5 ปีที่ผ่านมา เสียงสะท้อนต่อโครงการลงทุนต่างๆ ของกองทุน USO ที่ใช้จ่ายเงินไปหลายหมื่นล้าน แต่ยังคงเห็นเด็กในพื้นที่ห่างไกล ต้องไปนั่งเรียนออนไลน์ตากแดดอย่างยากลำบาก หรือต้องเดินทางไปไกลหลายกิโล เพื่อหาสัญญาณโทรศัพท์ในการเรียนออนไลน์  ทั้งที่พื้นที่เหล่านั้นเป็นพื้นที่เป้าหมายของ กสทช. สิ่งเหล่านี้เป็นเครื่องสะท้อนให้เห็นผลงานของโครงการ USO และส่วนหนึ่งของปัญหาก็มาจากความบกพร่องไม่ทันโลกของโครงการ USO ด้วย”