svasdssvasds
logo-pwa

เพิ่ม thansettakij

ลงในหน้าจอหลักของคุณ

ติดตั้ง
ปิด
thansettakij

ผ่าอาณาจักร "เอเวอร์แกรนด์ รู้จัก "สวี เจียหยิ่น" มหาเศรษฐีอันดับ 12 ของจีน

16 กันยายน 2564

ผู้กุมอาณาจักร "ไชน่า เอเวอร์แกรนด์"บนกองหนี้ 3.5 แสนล้านดอลลาร์ เขาคนนี้คือ "สวี เจียหยิ่น" มหาเศรษฐีอสังหาฯ ที่ร่ำรวยติดอันดับ Top ของจีน

ย้อนไปในปี 2018 รายงานการจัดอันดับความมั่งคั่งของมหาเศรษฐีในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์แดนมังกรของ หูรุ่น รีพอร์ต (Hurun Property Rich List 2018) ยกให้ นายสวี เจียหยิ่น (Xu Jiayin) หรือชื่อจีนกวางตุ้ง Hui K a Yan ประธานกลุ่มเอเวอร์แกรนด์ กรุ๊ป เป็นมหาเศรษฐีที่มีสินทรัพย์มากที่สุดในแวดวงวงอสังหาริมทรัพย์ด้วยสินทรัพย์รวมในปีนั้น 215,000 ล้านหยวน หรือ 31,000 ล้านดอลลาร์

 

รูเพิร์ท ฮูจเวิร์ฟ ประธานและหัวหน้านักวิจัย ผู้จัดทำหูรุ่น รีพอร์ต ให้ความเห็นเกี่ยวกับผลการจัดอันดับในปีนั้นว่า ในบรรดามหาเศรษฐีที่ระดับความมั่งคั่งถูกจัดเข้าทำเนียบ “รวยที่สุด” ในจีนแผ่นดินใหญ่ หรือ Hurun China Rich List ประจำปี 2018 นั้น 14.9% มาจากภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งจะว่าไปแล้วธุรกิจอสังหาฯ นับเป็นแหล่งก่อกำเนิดมหาเศรษฐีรุ่นใหม่ของจีนมาตลอดระยะเวลา 15 ปีที่ผ่านมา

สวี เจียหยิ่น

แม้กระทั่งล่าสุดในปีนี้ (2021) ในยามที่อาณาจักรธุรกิจ “ไชน่า เอเวอร์แกรนด์” หรือในชื่อภาษาจีนว่า “กลุ่มบริษัทเหิงต้า” กลายสภาพเป็นบริษัทเอกชนที่มีหนี้สินมากที่สุดในโลกที่ 1.97 ล้านล้านหยวน หรือราว 356,000 ล้านดอลลาร์ (กว่า 10 ล้านล้านบาท) และสุ่มเสี่ยงกับการผิดนัดชำระหนี้ในอีกไม่กี่วันข้างหน้า ชื่อของสวี เจียหยิ่น ในวัย 62 ปี ก็ยังคงอยู่ใน ทำเนียบมหาเศรษฐีที่ร่ำรวยที่สุดในจีนแผ่นดินใหญ่ จัดโดยนิตยสาร ฟอร์บส์ โดยสวี เข้าอันดับมาเป็นที่ 12 ด้วยมูลค่าสินทรัพย์รวม 27,100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

“ไชน่า เอเวอร์แกรนด์” เป็นบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่อันดับสองของประเทศจีน จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง (HKSE) ในปี 2009  มีผู้ถือหุ้นใหญ่ 85.67% เป็นกลุ่มบุคคลที่เป็นกรรมการและผู้บริหารของบริษัท ที่เหลือนอกนั้นส่วนใหญ่ถือโดยนักลงทุนในรูปสถาบัน ทั้งนี้ บุคคลที่เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่สุดของไชน่า เอเวอร์แกรนด์ ก็คือนายสวี เจียหยิ่น นั่นเอง โดยเขาเพียงคนเดียวถือครองหุ้นของบริษัทอยู่ถึง 70.7% หรือคิดเป็นจำนวน 9,370,871,497 หุ้น (ดังภาพประกอบ)

ผู้ถือหุ้นไชน่า เอเวอร์แกรนด์

สวี เจียหยิ่น เป็นมหาเศรษฐีที่สร้างตัวมาจากศูนย์ เขามาจากครอบครัวยากจนในชนบท ไต่เต้าสร้างฐานะมาพร้อม ๆกับนโยบายปฏิรูปของจีน  ไชน่า เอเวอร์แกรนด์ฯ (หรือเรียกโดยย่อ “เอเวอร์แกรนด์”) ที่ก่อตั้งในปี 1996 สั่งสมความมั่งคั่งในช่วงหลายทศวรรษของการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์อย่างรวดเร็วโดยอาศัยประโยชน์จากนโยบายการปฏิรูปของจีนที่เปิดโอกาสให้กับธุรกิจการพัฒนาที่ดิน บริษัทเติบโตจนกลายเป็นหนึ่งใน 150 บริษัทชั้นนำของโลกในแง่รายได้ (จากข้อมูลของ Fortune 500) มีพนักงานมากกว่า 123,000 คน และมีรายได้รวม 73,500 ล้านดอลลาร์ในปี 2020  มีการดำเนินธุรกิจโครงการมากกว่า 1,300 โครงการในกว่า 280 เมืองใหญ่ทั้งในจีนและต่างประเทศ

 

โครงการแรกของบริษัทเป็นอพาร์ทเมนต์ 323 ยูนิต เมื่อสร้างเสร็จสามารถขายหมดทุกยูนิตภายในครึ่งวันที่เปิดขาย ทำเงินก้อนแรก 80 ล้านหยวน ความสำเร็จดังกล่าวกลายเป็นเรื่องเล่าคลาสสิกพอๆ กับเรื่องการนำหุ้นเข้าตลาดในปี 2009 ที่ระดมทุนจากการทำ IPO ได้ถึง 9,000 ล้านดอลลาร์ เอเวอร์แกรนด์กลายเป็นบริษัทอสังหาฯเอกชนรายใหญ่ที่สุดของจีนในปีนั้น และสวี เจียหยิ่น ขึ้นแท่นเป็นบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดของจีนแผ่นดินใหญ่ด้วยสินทรัพย์สุทธิ 42,200 ล้านหยวน

 

 แต่ความสำเร็จได้กลายเป็นจุดเริ่มต้นของการรุกขยายธุรกิจ-สร้างการเติบโตอย่างบ้าคลั่ง อาศัยชื่อเสียงและเครดิตที่ดีกู้หนี้ยืมสินมาต่อยอดขยายธุรกิจ บุกเปิดโครงการใหม่ไปเรื่อย จนสุดท้ายกลายเป็นการขยายเกินตัว ประกอบกับการเข้ามาควบคุมดูแลมากขึ้นของแบงก์ชาติจีน ทำให้เอเวอร์แกรนด์มีโครงการที่คั่งค้างขายไม่ออกรวมกว่า 1.5 ล้านยูนิต มีภาระหนี้กว่า 356,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ รวมถึงหนี้ที่กำลังจะครบกำหนดชำระภายในสิ้นปีนี้ จำนวน 800 ล้านดอลลาร์ และภายในปีหน้า (2565) อีก 7,400 ล้านดอลลาร์

 

ภาวะวิกฤติหนี้สินของเอเวอร์แกรนด์ที่สุ่มเสี่ยงต่อการล้มละลาย ทำให้ธนาคารกลางและหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องต้องเข้ามาคุยกับผู้บริหาร “เอเวอร์แกรนด์” ได้รับ “โจทย์” จากภาครัฐให้ไปจัดการให้เรียบร้อย รวมถึงการปรับโครงสร้างธุรกิจเพื่อลดทอนภาระหนี้สินลงมาและเพิ่มสภาพคล่องเงินสดที่เหือดแห้งเต็มที สวีเจรจาขายสินทรัพย์บางส่วนออกไป รวมทั้งธุรกิจในเครือที่ไม่ทำเงิน หรือไม่ใช่ธุรกิจหลัก เช่นธุรกิจผลิตรถยนต์ไฟฟ้าที่ทุ่มเงินไปมากแต่ยังไม่มีรถออกมาสักรุ่นเดียว

 

วันที่ 17 สิงหาคมที่ผ่านมา สวี เจียหยิ่น ลาออกจากตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไชน่า เอเวอร์แกรนด์ เรียลเอสเตท ซึ่งเป็นหัวจักรขับเคลื่อนธุรกิจอสังหาฯ ของกลุ่ม บางคนมองว่านี่เป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการปรับโครงสร้างองค์กร แต่หลายคนมองว่าสวีเป็นกัปตันที่สละเรือกำลังจะจม นักวิเคราะห์เชื่อว่า รัฐบาลจีนคงไม่ปล่อยให้เอเวอร์แกรนด์ล้มละลาย เหมือนกับที่สวีเคยพูดอยู่เสมอว่า ทุกสิ่งที่เป็นเอเวอร์แกรนด์ในวันนี้ เป็นได้เพราะพรรคคอมมิวนิสต์ รัฐบาลกลาง และสังคมคอยอุ้มชู