เพิ่ม thansettakij
ลงในหน้าจอหลักของคุณ
ศูนย์วิจัยกสิกรไทยชี้ 4ปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม “สถานการณ์โควิดทั้งในและต่างประเทศ -ดัชนีราคาผู้บริโภคเดือนส.ค. ของไทย-การเมืองภายในประเทศ และปัจจัยต่างประเทศสำคัญทั้ง ข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐ การประชุมECB ตัวเลขจีดีพีไตรมาส 2/64 ของยูโรโซนและญี่ปุ่น ข้อมูลเศรษฐกิจเดือนส.ค. ของจีน”
กสิกรไทยมองกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทสำหรับสัปดาห์ถัดไป ระหว่างวันที่ 6-10 กันยายน 2564 อยู่ที่ 32.20-33.00 บาทต่อดอลลาร์ฯ ขณะที่ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ กระแสเงินลงทุนของนักลงทุนต่างชาติ สถานการณ์โควิดและตัวเลขเงินเฟ้อเดือนส.ค. ของไทย รวมถึงผลการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางยุโรป (ECB)
ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ประกอบด้วย ตัวเลขการเปิดรับสมัครงาน อัตราการหมุนเวียนของแรงงาน และข้อมูลสต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งเดือนก.ค. ดัชนีราคาผู้ผลิตเดือนส.ค. และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ นอกจากนี้ตลาดยังรอติดตามข้อมูลเศรษฐกิจเดือนส.ค. ของจีน อาทิ ตัวเลขการส่งออก ดัชนีราคาผู้บริโภค ดัชนีราคาผู้ผลิต และตัวเลขจีดีพี ไตรมาส 2/64 ของยูโรโซนและญี่ปุ่นด้วยเช่นกัน โดยเมื่อวันศุกร์ (3 ก.ย.) เงินบาทอยู่ที่ระดับ 32.58 บาทต่อดอลลาร์ฯ เทียบกับระดับ 32.63 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในวันศุกร์ก่อนหน้า (27 ส.ค.)
บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด (บล.) มองว่า ดัชนีหุ้นไทยมีแนวรับที่ 1,635 และ 1,620 จุด ขณะที่แนวต้านอยู่ที่ 1,665 และ 1,680 จุด ตามลำดับ โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ สถานการณ์โควิดทั้งในและต่างประเทศ ดัชนีราคาผู้บริโภคเดือนส.ค. ของไทย รวมถึงประเด็นการเมืองภายในประเทศ
ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ดัชนีราคาผู้ผลิตเดือนส.ค. และจํานวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศอื่นๆ ได้แก่ การประชุม ECB ตัวเลขจีดีพีไตรมาส 2/64 ของยูโรโซนและญี่ปุ่น ตลอดจนข้อมูลเศรษฐกิจเดือนส.ค. ของจีน อาทิ ดัชนีราคาผู้ผลิต และดัชนีราคาผู้บริโภค
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 3 กันยายนที่ผ่านมา ดัชนี SET ปิดที่ระดับ 1,650.33 จุด เพิ่มขึ้น 2.43% จากสัปดาห์ก่อน ขณะที่มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 106,619.77 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.94% จากสัปดาห์ก่อน ส่วนดัชนี mai เพิ่มขึ้น 0.90% มาปิดที่ 526.33 จุด