“หมอระวี”เดินสายยื่น“นายกฯ-ชัยวุฒิ”ล้มประมูลดาวเทียมไทยคม

13 ส.ค. 2564 | 06:25 น.

“หมอระวี”เดินสายยื่นหนังสือเรียกร้อง“นายกฯ-ชัยวุฒิ”ล้มประมูลดาวเทียมไทยคม หวั่นความลับทางการทหารถูกล้วงตับ เผยสัปดาห์หน้าเตรียมยื่น กสทช. 

วันนี้(13 ส.ค.64)  ที่ศูนย์รับเรื่องร้องเรียน ทำเนียบรัฐบาล  นพ.ระวี มาศฉมาดล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังธรรมใหม่ ได้เข้ายื่นหนังสือถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทรโอชา นายกรัฐมนตรี โดยมี นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี เป็นผู้รับแทน 

 

นพ.ระวี กล่าวว่า ตนขอคัดค้านและขอเสนอให้ยกเลิกการประมูลในครั้งนี้ เพราะการประมูล 4 Package รวมคลื่นที่เกี่ยวกับความถี่ทางการทหาร ไม่ว่าจะเป็น L band หรือ X band เข้าไปด้วย ซึ่งในอนาคตจะกลับไปเหมือนกับที่ผ่านมา ที่การทางทหารใช้คลื่นความถี่ทางดาวเทียม ที่ บริษัทไทยคม เป็นผู้ดูแล ที่ถือหุ้นใหญ่โดยบริษัท เทมาเส็ก โฮลดิ้งส์ (พีทีอี) จำกัด ของประเทศสิงคโปร์ 

 

 

เพราะฉนั้นความลับทางการทหารสามารถถูกล้วงไปได้ ถึงตอนนี้ผ่านมาหลาย 10 ปีแล้ว มีโอกาสจะกลับมาเป็นของประเทศไทย ซึ่งหากตอนนี้ถ้ามีการประมูลคลื่นความถี่ดาวเทียม โดย กสทช.ต่อไป จะมีบริษัทแห่งเดียวที่จะประมูลได้ คือ บริษัท ทีซี สเปซ คอนเน็ค จำกัด ซึ่งเป็นบริษัท ที่บริษัท ไทยคม จำกัด (มหาชน) หรือ THCOM ถือหุ้น 100% ทั้งนี้ ในสัปดาห์หน้า ตนจะไปยื่นคัดค้านเรื่องนี้ กสทช.ด้วย
                                             

นายเสกสกล กล่าวว่า ขอขอบ คุณ นพ.ระวี ที่มายื่นหนังสือในวันนี้ เจตนารมย์ของ นพ.ระวี คือต้องการรักษาผลประโยชน์ให้กับประเทศชาติและประชาชน ในการที่จะนำคลื่นความถี่กลับมาเป็นของประชาชน ซึ่งรัฐบาลก็ได้ทราบความสำคัญในการครอบครองดาวเทียม เพื่อสร้างประโยชน์ให้ประชาชนเป็นอย่างดี และไม่ต้องการให้ประเทศเสียเปรียบ ตนจะนำเรื่องนี้แจ้งต่อ นายกรัฐมนตรี, กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม, กสทช. เพื่อให้พิจารณาหาทางแก้ไขในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป

 

 

ต่อมา นพ.ระวี ยังได้ไปยื่นหนังสือเรียกร้องในเรื่องนี้ ต่อ นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม หรือดีอีเอส ด้วย
นายชัยวุฒิ กล่าวว่า ตนทราบถึงความวิตกกังวลในเรื่องการประมูลดาวเทียมครั้งนี้ ซึ่งตนได้ทำหนังสือไปถึง กสทช.มาแล้ว แต่ทาง กสทช.ก็แจ้งว่า เป็นอำนาจหน้าที่ในการจัดประมูล 

 

“วันนี้ผมก็ต้องขอบคุณท่าน ส.ส.ที่มีความเป็นห่วงผลประโยชน์ของประเทศ หลังจากนี้ ผมจะตั้งทีมงานของกระทรวงขึ้นเพื่อศึกษาในเรื่องนี้ และจะเชิญทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องมาร่วมให้ข้อมูลเพื่อแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นต่อไป”