ดัน กม.เลิกใช้ พลาสติกแบบครั้งเดียวทิ้ง ลาขาด ถุงพลาสติก หูหิ้วแบบบาง

05 ส.ค. 2564 | 12:07 น.
อัปเดตล่าสุด :05 ส.ค. 2564 | 19:16 น.

กระทรวงทรัพย์ฯ เร่งผลักดันกฎหมาย เลิกใช้พลาสติก แบบใช้ครั้งเดียวทิ้ง เช่น ถุงพลาสติกหูหิ้วแบบบาง ภายในปี 2565 พร้อมเล็งออกมาตรการลดนำเข้า เศษพลาสติก ปีละ 20% ตั้งเป้าเป็นศูนย์ ใน ปี 2569 หลังเดืนหน้า โมเดลเศรษฐกิจแบบ BCG

5 ส.ค. 2564 - นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม หารือถึง แนวทางการพัฒนา กฎหมายเพื่อเลิกใช้พลาสติกแบบใช้ครั้งเดียว ภายในปี 2565 และการขับเคลื่อน “มาตรการกำกับการนำเข้าเศษพลาสติก” โดย กล่าวว่า ที่จะต้องผลักดันการพัฒนากฎหมายเพื่อเลิกใช้พลาสติกแบบใช้ครั้งเดียว โดยเฉพาะถุงพลาสติกแบบบางที่มีขนาดน้อยกว่า 36 ไมครอน หลอดพลาสติก และแก้วพลาสติกแบบบาง รวมถึงจะต้องเพิ่มการสร้างความรับผิดชอบจากผู้ผลิต และการสร้างวินัยให้กับผู้บริโภคควบคู่กันไปด้วย

 

ทั้งนี้ ประเทศไทยได้กำหนด Road Map การจัดการขยะพลาสติก พ.ศ. 2561-2573 โดยกำหนดเป้าหมายที่สำคัญ 2 ประการ ได้แก่ 

 

1) การลด เลิกใช้พลาสติกเป้าหมาย ด้วยการใช้วัสดุทดแทนที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โดยกำหนดให้มีการเลิกใช้ พลาสติกหุ้มฝาขวดน้ำดื่ม ผลิตภัณฑ์พลาสติกที่ผสมสารอ๊อกโซ่ (Oxo) และ ไมโครบีดส์ ภายในปี 2562 กำหนดให้มีการเลิกใช้ ถุงพลาสติกหูหิ้วแบบบางน้อยกว่า 36 ไมครอน กล่องโฟมบรรจุอาหาร แก้วพลาสติกแบบบางน้อยกว่า 100 ไมครอน และหลอดพลาสติก ภายในปี 2565 

 

2) การนำขยะพลาสติกเป้าหมายกลับมาใช้ประโยชน์ 100% ภายในปี 2570 

 

นอกจากนี้ ในส่วนของการกำหนดการนำเข้าเศษพลาสติกพบว่าปัจจุบัน ประเทศไทยมีการนำเข้าเศษพลาสติก ในปี 2564 (เดือนมกราคม-มิถุนายน 2564) รวมปริมาณ 71,182 ตัน กรมควบคุมมลพิษ จึงได้เตรียมการเสนอมาตรการกำกับการนำเข้าเศษพลาสติก ต่อคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติในการประชุมที่จะมีขึ้นครั้งต่อไป 

โดยกำหนดการนำเข้าเศษพลาสติกในปี 2564 ในปริมาณ 250,000 ตันต่อปี หรือประมาณ 50% ของกำลังการผลิตทั้งหมดของโรงงาน จากปีฐาน 2563 ร่วมกับการใช้เศษพลาสติกภายในประเทศในปริมาณ 250,000 ตันต่อปี และกำหนดให้มีการลดปริมาณการนำเข้าเศษพลาสติกปีละ 20% หรือประมาณ 50,000 ตัน และห้ามนำเข้าเศษพลาสติก 100% ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 2569 โดยสนับสนุนการใช้เศษพลาสติกภายในประเทศเพื่อเป็นวัตถุดิบในโรงงาน 100% ทั้งนี้ เพื่อให้สอดรับกับนโยบายขับเคลื่อนประเทศไทยด้วยระบบโมเดลเศรษฐกิจ BCG (Bio-Circular-Green Economy)