ส่วนรถยนต์รุ่นขายดีที่สุดของแบรนด์อย่าง Swift แม้จะหยุดผลิตไปแล้ว แต่คาดว่าสต๊อกที่เหลือ จะส่งมอบได้ถึงกลางปี 2569
Suzuki Fronx เป็นครอสโอเวอร์ที่น่าจะเข้ามาต่อยอดจากฐานลูกค้าเดิม ที่ประทับใจกับอีโคคาร์ซูซูกิ ทั้งด้านสมรรถนะ การดูแลรักษา เมื่อถึงเวลาต้องเปลี่ยนรถ หรือต้องการขยับไปที่ความอเนกประสงค์มากขึ้น(ตามวัย) Fronx ตอบโจทย์ได้ดีระดับหนึ่ง
Suzuki Fronx แบ่งการขายเป็น 3 รุ่นย่อยคือ GL เครื่องยนต์ K15B เกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด ราคา 689,000 บาท และรุ่นที่ใช้เครื่องยนต์ K15C ไมลด์ไฮบริด 12 โวลต์ มอเตอร์ ISG แบตเตอรี่ลิเธียมไอออน เกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด เกรด GLX ราคา 749,000 บาท และตัวท็อป GLX PLUS ราคา 799,000 บาท
สำหรับรุ่น GLX PLUS เป็นครั้งแรกที่ซูซูกิ มอตอร์ ให้ระบบความปลอดภัย ADAS กับตลาดเมืองไทยมาเยอะที่สุด ด้วยกล้องหน้ารถ(หลังกระจกบังลม) และเรดาห์ตรงกระจังหน้า ช่วยกันตรวจจับสภาพแวดล้อมบนท้องถนน รองรับระบบต่างๆ เช่น เบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ Dual Sensor Brake Support II
ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน Adaptive Cruise Control (ACC) และระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน Lane Keep Assist (LKA) ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ High Beam Assist (HBA)
ตลอดจนกล้องมองภาพรอบคัน 360 องศา เซ็นเซอร์ถอยหลังพร้อมสัญญาณเตือน คอยสนับสนุนระบบเตือนสิ่งกีดขวางในจุดอับสายตา Blind Spot Monitor (BSM) และระบบเตือนเมื่อมีรถเคลื่อนผ่านขณะถอยหลัง Rear Cross Traffic Alert (RCTA)
ซูซูกิ มอเตอร์ ประเทศไทย เลือกที่จะพาผู้สื่อข่าวไปลองขับ Suzuki Fronx รุ่น GLX PLUS ที่ สปป.ลาว โดยใช้เส้นทางด่วน เวียงจันทน์-วังเวียง ถ้านับเฉพาะระยะทางบนมอเตอร์เวย์ก็ประมาณ 110 กม. เสียค่าผ่านทาง 139,000 กีบ หรือประมาณ 200 บาท
หลังจากแหวกฝ่าการจราจรในเมืองหลวง (จริงๆ ก็ไม่พลุกพล่านหนาแน่นมาก เมื่อเทียบกับเมืองหลวงประเทศอื่นๆในอาเซียน) เราก็ขึ้นไปขับบนทางตรงยาวๆ ถนนลาดยางไป-กลับ ฝั่งละ 2 เลน
Suzuki Fronx พัฒนาบนแพลตฟอร์ม HEARTECT ตัวรถยาวไม่ถึง 4 เมตร (3,995 มม.) เรียกว่าใหญ่ และสูงกว่า Swift เล็กน้อย แต่ยังเล็กกว่า Toyota Yaris Cross หรือแม้กระทั่ง Mazda CX-3
ด้วยความเบา และขนาดกะทัดรัดของตัวรถ กับเครื่องยนต์เบนซิน K15C ขนาด 1.5 ลิตร หัวฉีดคู่ DUALJET วาล์วแปรผัน 101 แรงม้า พร้อมระบบ Smart Hybrid มีมอเตอร์ ISG แบตเตอรี่ลิเธียมไอออน มาช่วยผ่อนเบาภาระเครื่องยนต์
กลายเป็นว่ารถขับดีมากๆ ครับ ช่วงล่างหนึบแน่นปราดเปรียว แต่ไม่แข็งกระด้าง พวงมาลัยตอบสนองแม่นยำ ควบคุมได้ตามความคาดหวัง
Suzuki Fronx น่าจะเหมือน Suzuki Swift ที่เติบโตขึ้น แต่ยังคงความหนักแน่นแฝงอารมณ์นักสู้ไว้ใน DNA เรียกว่าสมรรถนะรวมๆ สู้ บี-เอสยูวี ในระดับราคาเดียวกันได้ทุกเจ้า
รถออกตัวดี อัตราเร่งมาแบบสมเหตุสมผล หากขับย่าน 60-80 กม./ชม. แล้วต้องการเพิ่มความเร็ว รถจะคิกดาวน์ ลดเกียร์ลงมาอย่างรวดเร็ว (กดน้ำหนักแป้นคันเร่งไปนิดเดียว) ซึ่งการเลือกใช้เกียร์อัตโนมัติ 6 สปีดแบบเฟือง ทอร์คคอนเวอร์เตอร์ ช่วยส่งเสริมสมรรถนะการขับขี่ของรถ ให้การตอบสนองดูมีชีวิตชีวา กว่าเกียร์อัตโนมัติแบบสายพาน CVT
สำหรับทางด่วน เวียง จันทน์-วังเวียง กำหนดความเร็วสูงสุดสำหรับรถยนต์นั่งเอาไว้ 120 กม./ชม. ซึ่งในช่วงทดสอบการจราจรค่อนข้างโล่ง นานๆ จะเจอเพื่อนร่วมทางสักคัน
โดยการใช้ความเร็ว 100 กม./ชม. ที่เกียร์สูงสุดรอบจะอยู่แถวๆ 2,000 รอบ ขณะที่อัตราบริโภคน้ำมันจากการวิ่งทางไกลความเร็ว 90-120 กม./ชม. เห็นอัตราบริโภคน้ำมันที่ 18 กม./ลิตร
Suzuki Fronx เป็นรถนำเข้าทั้งคันจากอินโดนีเซีย ไม่เสียภาษีนำเข้า แต่มาโดนภาษีสรรพสามิต 25% (พวกอีโคคาร์เสีย 12%) ซึ่งไฮบริดน้อยๆ ของซูซูกิ ไม่ได้รับสิทธิประโยชน์ใดๆ จึงส่งผลต่อการตั้งราคาขายเต็มๆ
รวบรัดตัดความ...แนวรบในอุตสาหกรรมยานยนต์เปลี่ยนไป ซูซูกิและบรรดาค่ายญี่ปุ่น ไม่ได้อยู่ในสงครามที่ตนเองคุ้นเคย คุมความได้เปรียบเบ็ดเสร็จเหมือนในอดีต Suzuki Fronx สมรรถนะโดดเด่นทั้งช่วงล่าง การควบคุม อัตราบริโภคน้ำมันเป็นมิตร แต่ฟังก์ชันรวมๆ การออกแบบภายใน และราคา ดูแล้วยังต้องสู้เหนื่อยในสมรภูมิ “เรดโอเชี่ยน” นี้
รีวิว Suzuki Fronx : กรกิต กสิคุณ