บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป แมนูแฟคเจอริ่ง ประเทศไทย ประกาศศักยภาพด้วยการเป็นโรงงานผลิตรถยนต์ที่ทันสมัยที่สุดแห่งหนึ่งในเอเชียของบีเอ็มดับเบิลยู ด้วยความสามารถในการผลิตทั้ง บีเอ็มดับเบิลยู มินิ และมอเตอร์ไซค์
ล่าสุดกับการลงทุน 1,600 ล้านบาท สร้างโรงงานผลิตแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้า บนพื้นที่กว่า 4,000 ตารางเมตร ที่ จ.ระยอง ซึ่งไทยเป็นประเทศแรกในอาเซียน ที่มีโรงงานประกอบแบตเตอรี่ไฟฟ้าแรงดันสูงของบีเอ็มดับเบิลยู พร้อมรองรับการขึ้นไลน์ประกอบรถพลังงานไฟฟ้า 100% รุ่นใหม่ในช่วงครึ่งหลังของปีนี้
ในส่วนโรงงาน บีเอ็มดับเบิลยู แมนูแฟคเจอริ่ง ประเทศไทย จ.ระยอง ยังได้รับมอบหมายให้ขึ้นไลน์ประกอบ MINI Countryman โฉมใหม่ (U25) ซึ่งก่อนหน้านี้เจเนอเรชันที่สอง F60 นำเข้ามาจากมาเลเซีย
MINI Countryman Cooper S ALL4 รุ่น CKD เปิดตัวในไทยปลายปี 2567 วางเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ ขนาด 2.0 ลิตร เทอร์โบ 204 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 300 นิวตันเมตร ส่งกำลังด้วยเกียร์ดูอัลคลัตช์ 7 สปีด พร้อมระบบขับเคลื่อนล้อ 4 ล้อ ราคา 2.669 ล้านบาท
นอกจากนี้ ยังมีทีเด็ดกับโฉมใหม่ BMW X3 (G45) ที่เพิ่งเปิดตัวในตลาดโลกช่วงกลางปีที่แล้ว และปีนี้จะเริ่มขึ้นไลน์ประกอบในไทย ทันที โดยรุ่น CKD จะเริ่มส่งมอบได้ในเดือนมีนาคมนี้
บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป แบ่งการทำตลาด BMW X3 รุ่นประกอบในประเทศเป็น 2 รุ่นคือ BMW X3 20d xDrive M Sport เครื่องยนต์ดีเซล 2.0 ลิตร ราคาไม่เกิน 3.9 ล้านบาท(รอประกาศราคาวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2568) และตัวแรง BMW X3 M50 xDrive เครื่องยนต์เบนซิน 6 สูบเรียง ขนาด 3.0 ลิตร ราคากว่า 4 ล้านบาท
นั่นหมายความว่าปี 2568 บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย จะมีอาวุธที่หลากหลายทั้งรถเครื่องยนต์สันดาป ดีเซล เบนซินไมลด์ไฮบริด และรถยนต์ไฟฟ้ารถปลั๊ก-อินไฮบริด อีวี ที่จะมีทั้งการนำเข้าและประกอบที่โรงงาน จ.ระยอง
จากแผนงานดังกล่าว น่าสนใจว่า บีเอ็มดับเบิลยู จะกลับมาทำยอดขายให้เติบโตได้หรือไม่ หลังจากที่ปี 2567 มียอดจดทะเบียน 12,208 คัน ลดลง 14.9% เมื่อเทียบกับปี 2566 (14,128 คัน)
นายเรเน่ แกร์ฮาร์ด ประธานและซีอีโอ บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย เปิดเผยว่า ยอดจดทะเบียนตลาดรถยนต์พรีเมียมปี 2567 ลดลง 24% ขณะที่ยอดส่งมอบรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยู และมินิรวมกัน 13,659 คัน โดยมินิมียอดจดทะเบียนเพิ่มขึ้น 7.6% มาอยู่ที่ 1,451 คัน (ปี 2566 ทำได้ 1,349 คัน) ส่วนบีเอ็มดับเบิลยูทำยอดรวมได้ 12,208 คัน พร้อมรักษาตำแหน่งผู้นำในตลาดรถยนต์พรีเมียมได้ 5 ปีซ้อน
“ถึงแม้ตลาดรถยนต์ของไทย จะต้องใช้เวลาอีกไม่น้อยในการฟื้นตัวท่ามกลางแรงกดดันจากสถานการณ์ทางเศรษฐกิจ แต่เราก็ยังมองเห็นปัจจัยบวกจากแนวโน้มความเปลี่ยนแปลงที่ยังคงชัดเจนในหลายด้าน เช่น ยอดจดทะเบียนรถยนต์ไฟฟ้าในกลุ่ม BEV ของทั้งบีเอ็มดับเบิลยู และมินิที่เพิ่มขึ้นราว 11% จากปีที่แล้ว”
ในส่วนมินิ ที่นำ New MINI Family มาเปิดตัวในประเทศไทย ก็ช่วยให้ยอดจดทะเบียนรถยนต์ไฟฟ้าของแบรนด์พุ่งสูงขึ้นกว่า 44% ด้วยยอดรวมเฉพาะรุ่น BEV ถึง 295 คัน
“ปี 2567 บีเอ็มดับเบิลยู แม้ว่าจะมียอดจดทะเบียนรถยนต์ใหม่ลดลง แต่ส่วนแบ่งตลาดของบีเอ็มดับเบิลยูในกลุ่มรถยนต์พรีเมียมกลับเพิ่มขึ้น 5% จากปีก่อน เป็น 39.9% และหากพิจารณาเฉพาะกลุ่มรถยนต์ไฟฟ้าระดับพรีเมียม บีเอ็มดับเบิลยูมีส่วนแบ่งตลาดเพิ่มขึ้นกว่า 9.1% มาอยู่ที่ 22.6%” นายแกร์ฮาร์ด กล่าว