EV จีน เดินหน้าถล่มตลาดรถยนต์ในไทย โดยทำตามเงื่อนไขรัฐบาลภายใต้มาตรการ EV 3.0 ด้วยการเริ่มขึ้นไลน์ประกอบรถ EV ตั้งแต่ปี 2567 ในอัตรา 1:1 เท่ากับจำนวนที่นำเข้ามาขายก่อนหน้านี้ พร้อมรับสิทธิ์ประโยชน์ด้านภาษีสรรพสามิต และเงินสนับสนุน 1.5 แสนบาทต่อคันเท่าเดิม
โดยเอสเอไอซี มอเตอร์ - ซีพี เตรียมประกอบ MG4 ส่วนเกรท วอลล์ มอเตอร์ กับ ORA ภายในไตรมาสแรกด้านโฮซอน ยืนยันโรงงานที่ร่วมกับบางชันเยนเนอเรล เอเซมบลี จะเริ่มเดินเครื่องในเดือนกุมภาพันธ์ปีหน้า
ทั้งนี้ บรรดาค่ายจีนที่เข้าร่วมโครงการ EV 3.0 เร่งระบายสต๊อก EV รุ่นนำเข้าให้หมดภายในเดือนธันวาคมนี้ ด้วยการลดราคาเป็นหลักแสนบาท ก่อนที่รุ่นประกอบในประเทศจะเริ่มตามแผนงานที่กล่าวมา พร้อมรับสิทธิ์ประโยชน์เท่าเดิม
เว้นแต่แบรนด์ไหนที่มีแผนผลิตช้าไปกว่านั้น อาจจะต้องนำรถเข้ามาจากจีนภายใต้โครงการ EV 3.5 ที่ได้รับเงินสนับสนุนน้อยกว่า ดังนั้นจึงมีโอกาสขยับขึ้นราคารถใหม่ในปี 2567 ซึ่งค่ายรถยนต์ที่ออกมาพูดประเด็นนี้ชัดเจนคือ BYD โดยเรเว่ ออโตโมทีฟ ยํ้าว่าในปี 2567 BYD หลายรุ่นมีโอกาสขึ้นราคา
ล่าสุด เรเว่ ออโตโมทีฟ ประกาศลดราคา ATTO 3 ลง 1 แสนบาท และคืนเงินให้กับลูกค้าที่ซื้อรถไปก่อนหน้านี้ (ระหว่าง 1-28 พฤศจิกายน 2566) จำนวน 5 หมื่นบาท ส่วนแผนประกอบ EV จะเริ่มกับ BYD Dolphin ช่วงเดือนมิถุนายน ปี 2567
ด้าน NETA เบอร์สองในตลาด EV ไทย กระหน่ำแคมเปญช่วงปลายปีอย่างดุเดือด โดยลดราคา NETA V ลงมาเหลือ 4.99 แสนบาท และจัดของแถมเพียบ
นายหวัง เฉิงเจี่ย รองประธาน บริษัท โฮซอน นิว เอนเนอร์ยี่ เซลส์ จำกัด และกรรมการผู้จัดการ บริษัท เนต้า ออโต้ (ไทยแลนด์) จำกัด เปิดเผยว่า ถึงวันนี้บริษัทส่งมอบ EV ให้กับลูกค้าชาวไทยไปกว่า 12,000 คัน ครองส่วนแบ่งการตลาด 20% จากดีลเลอร์ 45 แห่ง และวางแผนเพิ่มอีก 30 แห่งในปีหน้า
ส่วนความคืบหน้าของโรงงานผลิตรถยนต์ไฟฟ้านอกประเทศจีนแห่งแรกของเนต้า ที่ร่วมกับพันธมิตรคือ บางชัน เยนเนอเรล เอเซมบลี (BGAC) คืบหน้าไปแล้ว 90% โดยจะทำการตรวจสอบระบบ และเริ่มผลิตแบบนำร่อง (Pilot Production) ได้ในช่วงเดือนธันวาคม 2566 - มกราคม 2567 จากนั้นจะเปิดไลน์ผลิตอย่างเต็มรูปแบบได้ประมาณเดือนกุมภาพันธ์
ตามแผนงานในระยะเริ่มต้น โรงงานแห่งนี้จะผลิต NETA V-II (หรือรุ่น NETA AYA) ซึ่งจะเป็นโฉมใหม่ของ NETA V โดยมุ่งเน้นการผลิตเพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าในประเทศไทยก่อน และหลังจากนั้นจะค่อยๆ ปรับโฟกัสเข้าสู่การผลิตเพื่อส่งออกไปยังประเทศอื่นๆ ในอาเซียน ส่วนเอสยูวีรุ่น NETA X จะเริ่มผลิตช่วงไตรมาสที่ 2 ของปี 2567
“เรื่องของราคา เราจะพิจารณาตามความเหมาะสมของต้นทุนการผลิต รวมถึงปัจจัยด้านต่างๆ เราไม่มีแผนการแข่งขันด้านราคา หรือลดราคา แต่จะดูความเหมาะสมตามตลาด และตามความต้องการของลูกค้าเป็นหลัก ส่วนเป้าหมายการขายเนต้าในปี 2567 ตั้งไว้ประมาณ 12,000 คัน หรือมากกว่านั้น” นายหวัง เฉิงเจี่ย กล่าว
สำหรับมาตรการ EV 3.5 ในกลุ่มรถยนต์นั่ง EV หากราคาไม่เกิน 2 ล้านบาท ถ้าเป็นรถนำเข้าจะได้การลดภาษีไม่เกิน 40% (EV จีน ภาษีนำเข้า 0% อยู่แล้ว) และเสียภาษีสรรพสามิตเพียง 2% จากปกติ 8%
โดย EV แบตเตอรี่ตั้งแต่ 50 kWh จะได้รับเงินอุดหนุน 50,000 - 100,000 บาท ส่วนรุ่นที่แบตเตอรี่ตํ่ากว่า 50 kWh รับ 20,000 - 50,000 บาท ส่วนการผลิตชดเชยการนำเข้า จะเพิ่มอัตราส่วนเป็น 1:2 ภายในปี 2569 หรือเพิ่มสัดส่วนนี้เป็น 1:3 หากเริ่มผลิตในปี 2570