น้องใหม่ “ซีพี โฟตอน” บริษัทร่วมทุนระหว่าง “เครือเจริญโภคภัณฑ์” กับ “โฟตอน” ผู้ผลิตรถเพื่อการพาณิชย์อันดับหนึ่งของจีน โดยช่วงแรกเป็น การนำเข้าทั้งคันจากจีน แต่หลังจากปี 2567 จะเริ่มขึ้นไลน์ประกอบรถในไทยเพื่อรองรับตลาดในประเทศและส่งออก
สำหรับตลาดรถเพื่อการพาณิชย์ของจีน มียอดขายประมาณ 5 ล้านคัน/ปี(จากตลาดรวมกว่า 20 ล้านคัน/ปี) ซึ่ง “โฟตอน” เป็นอันดับหนึ่ง ด้วยส่วนแบ่งการตลาด 15% ส่วนในไทย “ซีพี โฟตอน” ดำเนินธุรกิจมา 4 ปี จากยอดขายหลักสิบคันในปี 2562 ล่าสุดในปี 2565 ทำตัวเลขกระโดดไปถึง 445 คัน ด้วยรถบรรทุก 4 ล้อ 6 ล้อ 10 ล้อ หัวลาก และมิกเซอร์ (รถผสมปูน)
ขณะที่ปี 2566 กลุ่มรถพลังงานไฟฟ้า 100% จะพร้อมส่งมอบ ทั้ง รถบรรทุก 6 ล้อ EV รุ่น Aumark iBlue 85 และรถหัวลาก 10 ล้อ EST iBlue 280 รวมถึงรถบรรทุก 4 ล้อ Truck Mate iBlue 45 ไม่รวมกับรถ ใหม่ที่เตรียมเปิดตัวในปีนี้เพิ่มเติม แบ่งเป็น EV จำนวน 2 รุ่น(กลางปี) และรถมิกเซอร์ขนาดกลาง Mixer 270 (ไตรมาสแรก)
“จากยอดขายหลักหน่วยต่อปี ไม่มีใครรู้ว่าเราจะใช้เวลาแค่ 4 ปี ขึ้นมาเป็นอันดับ 4 ในตลาด และแซงหน้ารถยุโรปหลายแบรนด์” กฤษณะ เศรษฐธรางกูร กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีพีโฟตอนเซลส์ จำกัดกล่าวและว่า
ซีพี โฟตอน วางแผนธุรกิจไว้ 3 ช่วงโดยสเตจที่ 1 ภายใน 3 ปีแรกคือการวางรากฐานสร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักจากนั้นสเตจ 2 ที่บริษัทกำลังดำเนินการอยู่ตอนนี้จะเป็นการยกระดับการขายการบริการหลังการขายและอะไหล่พร้อมตั้งเป้าขึ้นเป็นอันดับ 3 ในกลุ่มรถเพื่อการพาณิชย์
ส่วนสเตจ 3 จะต้องเป็นบริษัทที่ได้การยอมรับธุรกิจเติบโตอย่างมั่นคงพร้อมโรงงานประกอบรถในไทยที่จะ มี 4 รุ่นหลัก 8 รุ่นย่อยทั้งรถ 10 ล้อ 6 ล้อและ 4 ล้อด้วยกำลังการผลิต 3,000 คันต่อปี (ยังไม่มี EV) รองรับการขายในประเทศ 70% และส่งออก 30%
“ซีพีโฟตอนเป็นที่ยอมรับในฐานะยานยนต์เพื่อการพาณิชย์ที่มีความทันสมัยคุณภาพระดับ Best in Classจนเกิดการบอกต่อในกลุ่มผู้ใช้รถและขยายฐานสู่ความเชื่อมั่นในงานประมูลงานของภาครัฐมากขึ้นตามลำดับด้วยการมีฟีเจอร์ที่ตอบโจทย์ผู้ขับขี่นำเสนอนวัตกรรมยานยนต์ที่สามารถรองรับอัตราผันผวนของต้นทุนธุรกิจเช่นค่าพลังงานและซ่อมบำรุงได้อย่างยั่งยืน
นอกเหนือจากมาตรฐานผลิตภัณฑ์โดดเด่นแล้วเรายังเร่งเติมเต็มงานบริการหลังการขายและการพัฒนาเครือข่ายให้แข็งแกร่งเพียงพอต่อความต้องการของผู้ใช้รถทั่ว ประเทศ” นายกฤษณะกล่าว
ปัจจุบัน ซีพี โฟตอน มีโชว์รูม-ศูนย์บริการเต็มรูปแบบ 23 แห่งทั่วประเทศ และศูนย์บริการสาขาย่อย 5 แห่งส่วนยอดขายปี 2566 ตั้งเป้าไว้ 1,000 คัน เติบโตเท่าตัวเมื่อเทียบกับปี 2565 ส่วนตลาดรถเพื่อการพาณิย์คาดว่าจะขยายตัว 5-10% จากการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจและจีนกลับมาเปิดประเทศ