ตามสไตล์มาเซราติ ที่จะนำชื่อสายลมในยุโรปมาเป็นชื่อรุ่นรถยนต์ของตนเอง และ Grecale ก็หมายถึงชื่อลมทะเลเมดิเตอร์เรเนียนตะวันออกเฉียงเหนือ
การออกแบบตัวถังสไตล์คูเป้ มีเส้นสายโค้งมน ตกแต่งด้วยวัสดุคาร์บอนไฟเบอร์ พร้อมไฟท้ายบูเมอแรงที่ได้แรงบันดาลใจจาก Maserati Giugiaro 3200 GT ขณะที่มิติตัวถังของรุ่น GT ยาว 4,846 มม., กว้าง 2,163 มม., สูง 1,670 มม., (รวมกระจกข้าง) ระยะฐานล้อ 2,901 มม.
ภายในห้องโดยสารตกแต่งอย่างประณีต ด้วยหนังแท้เกรดพรีเมียม, ไม้แท้ และคาร์บอนไฟเบอร์ อีกทั้งยังเป็นครั้งแรกที่มีการใช้นาฬิกาดิจิทัล แทนนาฬิกาทรงรีแบบดั้งเดิม ส่วนจอแสดงผลหลังพวงมาลัยเป็นแบบ TFT (Thin-Film Transistor) ขนาด 12.3 นิ้ว พร้อมจอทัชสกรีนอเนกประสงค์แบบจอคู่บริเวณกลางแดชบอร์ด โดยจอบนมีขนาด 12.3 นิ้ว และจอล่าง 8.8 นิ้ว ใหญ่สุดเท่าที่เคยติดตั้งในรถยนต์มาเซราติ
สำหรับ Maserati Grecale GT ใช้เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ ขนาด 2.0 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 300 แรงม้า ที่ 5,750 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 450 นิวตัน-เมตรที่ 2,000 – 5,000 รอบต่อนาที พร้อมระบบไมลด์ไฮบริด ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. 5.6 วินาที ความเร็วสูงสุด 240 กม./ชม. ใช้ล้ออัลลอย 19 นิ้วประกบยาง 235/55 R19
Maserati Grecale Trofeo ใช้เครื่องยนต์เบนซิน วี6 สูบ ขนาด 3.0 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 530 แรงม้า ที่ 6,500 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 620 นิวตัน-เมตรที่ 3,000 – 5,500 รอบต่อนาที ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. 3.8 วินาที ความเร็วสูงสุด 285 กม./ชม. ใช้ล้ออัลลอย 21 นิ้วประกบยางหน้า 255/40 R21 และหลัง 295/35 R21
ทั้งสองรุ่นมาพร้อม ระบบขับเคลื่อน 4 ล้ออัจฉริยะ มาพร้อม 4 โหมดการขับ คือ Comfort, GT, Sport และ Off-road ขณะที่รุ่น โทรเฟโอ เพิ่มโหมด ‘คอร์ซา’ (Corsa) ที่มาพร้อมความเร้าใจสูงสุด ผสานระบบควบคุมการทรงตัวใหม่ล่าสุด ‘วีดีซีเอ็ม’ (VDCM-Vehicle Dynamic Control Module)
เอสยูวีรุ่นนี้ ประกอบขึ้นที่โรงงาน Cassino ประเทศอิตาลี โดย Maserati Grecale เริ่มส่งมอบให้ลูกค้าชาวไทยได้ปลายปี 2565
ข้อมูลเพิ่มเติม มาเซราติ