อาวดี้ เปิดตัว Q7 - Q8 ปลั๊กอินไฮบริด ราคาลดลง 6 แสน -1 ล้าน

14 ก.พ. 2565 | 08:37 น.

อาวดี้ เขย่าตลาดรถหรู เปิดตัว Q7 และ Q8 ปลั๊กอินไฮบริด จัดเต็มออฟชั่น พร้อมชูราคาลดลงเมื่อเทียบกับรุ่นเครื่องยนต์ปกติตั้งแต่ 600,000 - 1,000,000 บาท

นายกฤษณะกร เศวตนันทน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไมซ์สเตอร์ เทคนิค จำกัด หรือ อาวดี้ ประเทศไทย เปิดเผยว่า ในปีนี้บริษัทฯมีแผนเปิดตัวรถยนต์พลังงานไฟฟ้ารุ่นใหม่ๆ เข้ามาอย่างรวดเร็วและต่อเนื่อง ซึ่งนอกเหนือจากรถยนต์ไฟฟ้าแล้ว ในส่วนของเทคโนโลยีปลั๊กอินไฮบริด ก็จะทยอยเปิดตัวเช่นเดียวกัน ล่าสุดได้ทำการเปิดตัว 2 รุ่นได้แก่  Audi Q7 60 TFSI e quattro S line Black Edition และ Audi Q8 60 TFSI e quattro S line Black Edition 

 

ความพิเศษของรถยนต์รุ่นใหม่ 2 รุ่นที่เปิดตัวในวันนี้ นอกเหนือจากจะนำเทคโนโลยีปลั๊กอินไฮบริดเจเนอเรชั่นใหม่ล่าสุดมาใช้แล้ว ในแง่ของราคาขายก็ปรับลดลงเมื่อเทียบกับเครื่องยนต์สันดาปทั่วไป โดยลดลงตั้งแต่ 600,000 -1,000,000 บาท ทั้งนี้เป็นผลมาจากการที่ภาครัฐมีมาตรการสนับสนุนรถยนต์ในกลุ่มพลังงานไฟฟ้า 

 

นายกฤษณะกร เศวตนันทน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร อาวดี้ ประเทศไทย
 

สำหรับราคาของ Audi Q7 60 TFSI e quattro S line Black Edition และ Audi Q8 60 TFSI e quattro S line Black Edition  มีดังต่อไปนี้ 

  • Q7 60 TFSI e quattro S line Black Edition (LED Headlight) ราคา 4,799,000 บาท
  • Q7 60 TFSI e quattro S line Black Edition (Matrix LED Headlight) ราคา 4,899,000 บาท (จำนวนจำกัด)
  • Q8 60 TFSI e quattro S line Black Edition ราคา 5,799,000 บาท

 

ส่วนไฮไลท์ของรถยนต์ทั้ง 2 รุ่นมีดังต่อไปนี้ 

 

เทคโนโลยีขุมพลังปลั๊กอินไฮบริดเจเนอเรชั่นของ  Audi Q7 60 TFSI e quattro S line Black Edition และ Audi Q8 60 TFSI e quattro S line Black Edition  มาพร้อม Dynamic Badge ตราสัญลักษณ์ “60 TFSI e” ด้านท้ายรถ ซึ่งเป็นตัวเลขบ่งบอกแรงม้าที่สูงที่สุดเท่าที่ Audi เคยใช้มา 

 

Audi Q7 60 TFSI e quattro S line Black Edition

ในส่วนของเครื่องยนต์สันดาปเป็นเครื่องยนต์ V6 เทอร์โบ ขนาด 2,995 ซีซี ผลิตแรงม้าได้ที่ 340 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 450 นิวตันเมตร ทำงานควบคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้า ให้กำลัง 136 แรงม้า และแรงบิด 400 นิวตันเมตร เมื่อผสานการทำงานกันจะให้พละกำลังจากระบบขับเคลื่อนสูงสุดถึง 462 แรงม้า 700 นิวตันเมตร  สามารถทำอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง เพียง 5.4 วินาที และความเร็วสูงสุด 240 กิโลเมตร/ชั่วโมง
 

Audi Q7 60 TFSI e quattro S line Black Edition

แบตเตอรี่ลิเธียม-อิออนแรงดันสูงมีความจุ 17.9 กิโลวัตต์ สามารถรองรับการชาร์จได้สูงสุดถึง 7.4 กิโลวัตต์/ชั่วโมง ทำให้สามารถชาร์จแบตเตอรี่เต็มได้ภายใน 2.5 ชั่วโมง แบตเตอรี่ถูกบรรจุไว้ในบริเวณที่เก็บสัมภาระท้ายรถ ซึ่งอาวดี้  ได้ออกแบบแบตเตอรี่ให้มีขนาดเล็ก ทำให้พื้นที่เก็บสัมภาระยังคงมีขนาดความจุสัมภาระสูงมากถึง 505 ลิตร 

 

Audi Q7 60 TFSI e quattro S line Black Edition

ในรุ่น Audi Q8 60 TFSI e quattro S line Black Edition และ 650 ลิตรใน Audi Q7 60 TFSI e quattro S line Black Edition ซึ่งนับเป็นความจุพื้นที่เก็บสัมภาระที่สูงมากที่สุดในรถขนาดเดียวกัน โดยรถทั้ง 2 รุ่น สามารถวิ่งด้วยไฟฟ้าล้วนได้มากกว่า 40 กิโลเมตร ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง เหมาะสมกับการใช้รถในเมือง 

 

Audi Q7 60 TFSI e quattro S line Black Edition

ความพิเศษของ Audi ปลั๊กอินไฮบริด คือ แบตเตอรี่เจเนอเรชั่นล่าสุด หากมีความเสียหายเกิดขึ้นช่างเทคนิคจะสามารถเปลี่ยนอะไหล่และแบตเตอรี่แยกย่อยเป็นแต่ละโมดุลได้ ทำให้ค่าบำรุงรักษาเมื่อแบตเตอรี่หมดระยะรับประกันจะต่ำลงเป็นอย่างมาก เพื่อความสบายใจในการใช้งาน (Customer Peace of Mind) ไปได้นานๆ หรือหากจะเปลี่ยนคันใหม่ Resell value ราคาก็จะไม่ลดมูลค่าลง  แบตเตอรี่แรงดันสูงในรถปลั๊กอินไฮบริดของ Audi มีการรับประกันแบตเตอรี่ 8 ปี หรือ 160,000 กิโลเมตร (อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน)

 

 สำหรับ Audi Q7 60 TFSI e quattro S line Black Edition และ Audi Q8 60 TFSI e quattro S line Black Edition  มาพร้อมระบบขับเคลื่อนไฟฟ้าและปลั๊กอินไฮบริด ซึ่งเรียกว่า e-tron mode ซึ่งมีให้เลือกทั้งหมด 4 โหมด ได้แก่

 

1. EV (electric driving) ซึ่งเป็นโหมดที่รถจะขับเคลื่อนด้วยกำลังไฟฟ้าเท่านั้น 100% เหมาะสำหรับการใช้งานในเมือง

 

2.  Auto Hybrid (intelligent use of battery charge) มอเตอร์ไฟฟ้าและเครื่องยนต์จะทำงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุดโดยอัตโนมัติ จากการทำงานของระบบ Predictive Efficiency Assist (PEA) ที่จะประเมินสถานการณ์ของถนนที่เดินทางไปควบคู่ไปกับระบบนำทางของรถ และจะแนะนำให้ลูกค้าถอนคันเร่ง

 

โดยมีสัญลักษณ์สีเขียวรูปลูกศรให้ถอนเท้าพร้อมแรงกระตุกที่แป้นคันเร่ง 1 ครั้ง เมื่อรถเดินทางเข้าสู่ ทางแยก ทางลาด ทางร่วมต่างๆ และระบบนี้ยังทำงานควบคู่กับระบบ Predictive Operating Strategy (POS) ที่จะประเมินการขับขี่ว่าเป็นการใช้ในเมืองที่มีรถติด หรือในเมืองที่รถเคลื่อนตัวได้ดี หรือการวิ่งนอกเมือง เพื่อจะใช้พลังงานจากมอเตอร์ไฟฟ้าได้อย่างเหมาะสม

 

3.Battery Hold (maintain battery charge) เหมาะสำหรับการเดินทางจากนอกเมืองเพื่อเข้าในเมือง โดยรถยนต์จะใช้งานเครื่องยนต์ในการขับเคลื่อน เพื่อรักษาระดับประจุไฟฟ้าของแบตเตอรี่ให้สูงคงเท่าเดิม เพื่อจะเก็บพลังงานจากแบตเตอรี่เอาไว้ใช้ในขณะเข้าเมืองให้วิ่งได้ไกลที่สุดเท่าที่จะไปได้

 

4.Battery Charge (increase battery charge) รถยนต์จะใช้งานเครื่องยนต์และระบบนำพลังงานกลับมาใช้ (Recuperation) เพื่อที่จะพยายามชาร์จแบตเตอรี่แรงดันสูงให้เพิ่มมากขึ้น

 


สำหรับ Audi Q7 60 TFSI e quattro S line Black Edition และ Audi Q8 60 TFSI e quattro S line Black Edition ได้รับการออกแบบลุคสปอร์ต ภายนอกตกแต่งด้วยชุดแต่ง S line และอัพเกรดการตกแต่งเป็นแบบ Black Edition โดยเปลี่ยนคิ้วโครเมียมรอบคันเป็นสีดำและฝาครอบกระจกมองข้างสีดำดูดุดัน

 

Audi Q7 60 TFSI e quattro S line Black Edition

ล้ออัลลอยลายใหม่ ขนาด 21 นิ้ว พร้อมคาลิปเปอร์เบรกสีแดงทั้งหน้า-หลัง  ระบบไฟหน้า 2 แบบ ให้เลือกทั้งแบบไฟหน้า LED และไฟหน้า matrix LED อัจฉริยะที่จะสามารถปรับแสงปิด LED บางดวงอัตโนมัติ เพื่อไม่ให้แสงกวนตาผู้ขับรถที่สวนมา พร้อมไฟเอฟเฟกต์ Light staging เมื่อปลดล็อค 

 

ในรุ่น Audi Q7 60 TFSI e quattro S line Black Edition ภายในได้เพิ่มอุปกรณ์การตกแต่งเป็นแบบ S line Interior พวงมาลัยท้ายตัดพร้อมเบาะนั่งพร้อมตราสัญลักษณ์ S line

 

Audi Q7 60 TFSI e quattro S line Black Edition

 

ในรุ่น Audi Q8 60 TFSI e quattro S line Black Edition เบาะนั่งคู่หน้าเป็นแบบ Super Sport ลาย Diamond Cut ในแบบฉบับ RS Full Bucket Seat วัสดุหุ้มหนัง Valcona พวงมาลัย Multi-function แบบสปอร์ตท้ายตัด ระบบ MMI Navigation plus พร้อม MMI touch ขนาด 10.1 นิ้ว และจอควบคุม multi-function แบบสัมผัส พร้อมตอบสนองการสั่งงาน (haptic feedback) ขนาด 8.6 นิ้ว พร้อม Paddle shift จอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบ Virtual cockpit ขนาด 12.3 นิ้ว

Audi Q8 60 TFSI e quattro S line Black Edition

ระบบเครื่องเสียง Bang & Olufsen พร้อมระบบเสียง 3 มิติ 17 ตำแหน่ง 730 วัตต์ ระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบ 3 โซน และเพิ่มฟังก์ชั่นเปิดแอร์ได้ขณะดับเครื่อง (Stationary Air-conditioning) ช่วงล่างระบบถุงลม (Adaptive air suspension) 

 

Audi Q8 60 TFSI e quattro S line Black Edition

 

ในรุ่น Audi Q8 60 TFSI e quattro S line Black Edition ภายในพื้นที่ห้องโดยสารและพื้นที่เก็บสัมภาระนั้นกว้างขวาง ถือได้ว่าเป็น SUV ที่ขนาดใหญ่ที่สุดในเซกเมนต์  นอกจากนั้นยังมาพร้อมอุปกรณ์มาตรฐาน อาทิเช่น กล้องรอบคัน 360 องศา ประตูไฟฟ้าอัตโนมัติ หลังคาพาโนรามิค และแร็คบรรทุกสัมภาระบนหลังคา 

 

Audi Q8 60 TFSI e quattro S line Black Edition

 

อาวดี้ ประเทศไทย ยังกระตุ้นตลาด Audi Q7 60 TFSI e quattro S line Black Edition และ Audi Q8 60 TFSI e quattro S line Black Edition ด้วยโปรโมชัน ดอกเบี้ยพิเศษ 1.59% นาน 60 เดือน และแถมฟรีเครื่องชาร์จ Wallbox ขนาด 7.4 กิโลวัตต์  1 เครื่อง นอกเหนือจากเครื่องชาร์จของ Audi ที่มาพร้อมกับรถยนต์อยู่แล้ว

Audi Q8 60 TFSI e quattro S line Black Edition