มาสด้า ประเดิมเปิดตัวรถใหม่ 4  รุ่น หวังยอดขายปีเสือโต 10% 

19 ม.ค. 2565 | 00:59 น.

มาสด้า รับโควิดทำยอดขายไม่เป็นไปตามเป้าหมายในปี 2564 แต่ประเดิมศักราชใหม่พร้อมลุยเต็มสูบ เล็งเปิดตัวรถ 4 รุ่นในไตรมาสแรก หวังสิ้นปียอดขายถึง 40,000 คัน โต 10%

ตลาดรถยนต์ไทยปี 2564 ปิดตัวเลข 7.62 แสนคัน ลดลง 4% เมื่อเทียบกับปี 2563 ในจำนวนนี้เป็นของมาสด้า 35,385 คัน

 

ทั้งนี้ มาสด้าเคยตั้งเป้าขายรถในปี 2564 ไว้ 40,000 คัน แต่เนื่องจากเกิดการระบาดของโควิด-19 และประเทศไทยใช้มาตรการการล็อกดาวน์ทั้งประเทศ จึงทำให้แนวโน้มและทิศทางเศรษฐกิจไม่เป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ แต่สุดท้ายมาสด้า ยังทำตัวเลขได้ 35,385 คัน ลดลง 9.8% โดยแบ่งออกเป็นรถยนต์นั่ง จำนวน 19,799 คัน ลดลง 20.2% เอสยูวี 14,225 คัน เพิ่มขึ้น 21.4% และปิกอัพ 1,361 คัน ลดลง 49.7 พร้อมรักษาส่วนแบ่งการตลาด 4.6%

มาสด้า ประเดิมเปิดตัวรถใหม่ 4  รุ่น หวังยอดขายปีเสือโต 10%  มาสด้า ประเดิมเปิดตัวรถใหม่ 4  รุ่น หวังยอดขายปีเสือโต 10% 

นายชาญชัย ตระการอุดมสุข ประธานบริหาร บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ปี 2564 ที่ผ่านมานับเป็นปีที่ท้าทายอย่างยิ่งต่อธุรกิจรถยนต์ เนื่องจากมีทั้งปัจจัยภายนอกและภายในที่เข้ามากระทบ โดยเฉพาะการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ซึ่งถือเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจตั้งแต่ต้นปี และการขาดแคลนชิ้นส่วนประกอบเซมิคอนดักเตอร์ที่ส่งผล กระทบไปทั่วโลก

 

จึงทำให้อุตสาหกรรมหลักที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศไทยต้องชะลอตัวลง แต่ด้วยมาตรการช่วยเหลือต่างๆ จากทางภาครัฐ และความร่วมแรงร่วมใจกันของพี่น้องชาวไทย จึงทำให้ธุรกิจต่างๆ เริ่มค่อยๆ ปรับตัวดีขึ้นและเดินหน้าต่อไปได้ในช่วงปลายปี ซึ่งทำให้ตัวเลขการจำหน่ายรถยนต์ที่เกิดขึ้น ลดลงเล็กน้อยตามที่ผู้เชี่ยวชาญได้คาดการณ์ไว้

อย่างไรก็ตาม มาสด้าพร้อมเดินหน้าต่อทันที ในปี 2565 เตรียมเปิดตัวรถรุ่นใหม่ครบทุกเซ็กเมนต์หวังกระตุ้นตลาดตั้งแต่ต้นปี โดยเริ่มจาก CX-3 ตามด้วย Mazda2 และยังเตรียมแนะนำมาสด้า CX-30 และต่อด้วย Mazda3 ในไตรมาสแรกนี้ ขณะเดียวกันเตรียมยกระดับมาตรฐานและคุณภาพด้านการบริการหลังการขายให้เป็นมาตรฐานเดียวกันทั่วประเทศ พร้อมตั้งเป้ายอดขายปีนี้มากกว่า 40,000 คัน หรือเพิ่มขึ้น 10% และครองส่วนแบ่งการตลาดมากกว่า 5%

มาสด้า ประเดิมเปิดตัวรถใหม่ 4  รุ่น หวังยอดขายปีเสือโต 10% 

“มาสด้าคาดการณ์ว่าอุตสาหกรรมรถยนต์จะเติบโตเพิ่มขึ้นประมาณ 5-10% แต่ทั้งนี้แล้วก็ขึ้นอยู่กับมาตรการส่งเสริมจากทางภาครัฐ อาทิ การส่งเสริมด้านการท่องเที่ยวและราคาสินค้าการเกษตร ที่สำคัญยังคงต้องจับตาการระบาดของโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนในระลอกใหม่ ว่าจะส่งผลกระทบมากน้อยแค่ไหนต่อเศรษฐกิจของประเทศไทย เนื่องจากเป็นปัจจัยที่ไม่สามารถควบคุมได้ แต่คาดว่าตลาดรถยนต์จะกลับมาฟื้นตัวอีกครั้งหลังจากไตรมาสแรกของปีนี้” นายชาญชัย กล่าว