ลัมโบร์กินี ลุยซูเปอร์คาร์ไฮบริด ลุ้นอีก 5 ปีเปิดตัวรถพลังไฟฟ้า EV 4 ที่นั่ง

19 ส.ค. 2564 | 06:27 น.

ลัมโบร์กินี ซูเปอร์คาร์จากอิตาลี ยืนยันแผนพัฒนารถพลังงานไฟฟ้าไม่ช้ากว่าคู่แข่ง ซึ่งภายในปี 2567 จะมีรถไฮบริด หรือปลั๊ก-อินไฮบริด ครบทุกรุ่น ส่วน EV ต้องรอหลังปี 2568 ด้าน เรนาสโซ มอเตอร์ พร้อมนำเข้ามาทำตลาดในไทย ตามนโยบายบริษัทแม่

อุตสาหกรรมยานยนต์ในยุคเปลี่ยนผ่านสู่เทคโนโลยีขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า และถูกควบคุมอย่างเข้มงวดด้วยมาตรฐานไอเสีย ผ่านการให้สิทธิประโยชน์ หรือการทำโทษ ด้วยเครื่องมือด้านภาษีและไม่ใช่ภาษี

ในกลุ่มสปอร์ตคาร์เครื่องใหญ่พลังแรง พยายามปรับตัวให้สอดคล้องกับเงื่อนไขของอุตสาหกรรมโลก ซึ่งโปรดักต์ใหม่ๆ ที่หลายค่ายเปิดตัวเริ่มมีมอเตอร์ไฟฟ้าเข้ามาแบ่งเบาภาระของเครื่องยนต์ และลดการปล่อยไอเสีย ทั้งรูปแบบไมลด์ไฮบริด 48 โวลต์ไปจนถึง ปลั๊ก-อินไฮบริด PHEV (เสียบปลั๊กชาร์จไฟจากภายนอก และวิ่งในโหมด EV ได้ระยะทางสั้นๆ)

สำหรับซูเปอร์คาร์ PHEV มีการเปิดตัว Ferrari SF90 Stradale เครื่องยนต์ วี8 และ Ferrari 296 GTB เครื่องยนต์วี6 รวมถึงค่ายอังกฤษ McLaren Artura เครื่องยนต์ วี6 ที่สามารถเสียบปลั๊กชาร์จไฟได้เช่นกัน แถมทำราคาขายในไทยเพียง 16.7 ล้านบาท (ได้สิทธิประโยชน์ด้านภาษี)

สเตฟาน วิงเคิลมันน์

 

ลัมโบร์กินี ลุยซูเปอร์คาร์ไฮบริด ลุ้นอีก 5 ปีเปิดตัวรถพลังไฟฟ้า EV 4 ที่นั่ง

ขณะที่ “ลัมโบร์กินี” นับถอยหลังกับรถเครื่องยนต์ วี12 แบบดั้งเดิมโดยปลายเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา การเปิดตัวของ Aventador LP 780-4 Ultimae จะเป็นรุ่นสุดท้ายของเครื่องยนต์ วี12 ไร้ระบบอัดอากาศ ก่อนที่จะถูกปรับเปลี่ยนเป็นขุมพลัง ไฮบริดในปี 2566

ปัจจุบัน ค่ายกระทิงเปลี่ยวเริ่มขยับกับเทคโนโลยีไมลด์ไฮบริด 48 โวลต์ ล่าสุดเปิดตัว Lamborghini Countach LP 800-4 ที่ผลิตจำนวนจำกัด 112 คันทั่วโลก โดยใช้เครื่องยนต์ วี12 ขนาด 6.5 ลิตรเสริมการทำงานด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า และซูเปอร์คาปาซิเตอร์ (เก็บพลังงาน)

“Lamborghini Countach LPI 800-4 ไม่ได้เป็นเพียงวิศวกรรมยานยนต์ที่เราได้ออกแบบขึ้นมาชิ้นหนึ่งแต่ยังเป็นสิ่งที่สะท้อน ให้เห็นถึงปรัชญาของเราในการบรรลุเป้าหมายที่จะรังสรรค์สิ่งที่เหนือความคาดหมาย จนกลายเป็นรถในฝันของผู้คนจำนวนมาก” นายสเตฟาน วิงเคิลมันน์ ประธาน และ ซีอีโอออโตโมบิลิ ลัมโบร์กินี กล่าวถึงซูเปอร์คาร์ไมลด์ ไฮบริด 48 โวลต์ รุ่นล่าสุด

แม้ ลัมโบร์กินี ยังไม่มีรถปลั๊ก-อินไฮบริด เหมือน เฟอร์รารี่ และแมคลาเรน แต่วางโรดแมปเอา ไว้ว่า รถทุกรุ่นจะใช้พลังงานไฟฟ้า (หมายถึงไฮบริดหรือปลั๊ก-อินไฮบริด) ภายในสิ้นปี 2567 ส่วนรถพลังงานไฟฟ้า 100% EV จะตามมาในช่วงครึ่งหลังของทศวรรษนี้ (ระหว่างปี ค.ศ. 2025-2030) หรือ พ.ศ. 2568-2573

Lamborghini Countach LPI 800-4

รายงานจาก ออโตโมบิลี ลัมโบร์กินี เปิดเผยว่า การลงทุนกว่า 1,500 ล้านยูโร (ประมาณ 60,000 ล้านบาท) ภายใต้โปรเจกต์ Direzione Cor Tauri เพื่อพัฒนารถไฮบริด ถือเป็นการลงทุนครั้งใหญ่ในประวัติศาสตร์ของบริษัท

การพัฒนาไปสู่ระบบไฮบริด สำหรับรถทุกรุ่นภายในสิ้นปี 2567 ลัมโบร์กินียังคงมุ่งเน้นไปที่สมรรถนะและประสบการณ์การขับขี่ของลัมโบร์กินีอย่างแท้จริง โดยเป้าหมายภายในของบริษัทคือการลดการปล่อยก๊าซ CO2 จากรถลัมโบร์กินีลง 50% ภายในต้นปี 2568

ในส่วนแผนงานของรถพลังงานไฟฟ้า 100% EV เรากำลังจัดการกับความท้าทายที่ไม่เคยมีมาก่อน และยังไม่ได้สรุปโครงสร้างของรถว่าจะเป็นรูปแบบใด (เอสยูวี หรือ คูเป้) แต่มีแนวโน้มที่จะเป็นรถสองประตู 4 ที่นั่ง

“ลัมโบร์กินี EV จะต้องรักษาแก่นแท้ของ DNA ของแบรนด์ นั่นคือสมรรถนะสูงสุด การดีไซน์ที่สมบูรณ์แบบ การตอบสนองทางด้านความรู้สึกและคำนึงว่ารถยนต์ที่ใช้งานได้ทุกวันต้องมี 4 ที่นั่งและจะต้องแตกต่างจากรุ่น Urus”

...นั่นเป็นแผนงานใหม่ในการพัฒนารถพลังงานไฟฟ้า จากไฮบริด ไปสู่ EV ของออโตโมบิลี ลัมโบร์กินี ซึ่งเมืองไทยดูแลตลาดโดย “เรนาสโซมอเตอร์” ในเครือชาริช โฮลดิ้ง พร้อมวางกลยุทธ์ให้สอดคล้องกับนโยบายบริษัทแม่เช่นกัน

ทั้งนี้ ยอดขายครึ่งปีแรก 2564 (ม.ค.-มิ.ย. 64)ของ ลัมโบร์กินี ทั่วโลกทำได้ 4,852 คัน เพิ่มขึ้น 37% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว