รีวิว "ฮอนด้า ซิตี้ แฮตช์แบ็ก ไฮบริด" ขับเนียน จิบนํ้ามัน

09 ก.ค. 2564 | 04:05 น.
อัปเดตล่าสุด :09 ก.ค. 2564 | 11:50 น.

รีวิว ฮอนด้า ซิตี้ แฮตช์แบ็ก ไฮบริด Honda City Hatchback e:HEV ลองขับบนท้องถนนจริงครั้งแรก หลังจากเปิดตัว 24 มิถุนายน 2564 เข้ามาเติมเต็ม Honda City Series สมรรถนะเป็นอย่างไร ประหยัดน้ำมันขนาดไหน ติดตามได้จากบททดสอบ

มากันครบแล้วครับ สำหรับ Honda City Series หลังจากน้องใหม่ ฮอนด้า ซิตี้ แฮตช์แบ็ก ไฮบริด หรือ Honda City Hatchback e:HEV เข้ามาเสริมทัพอีกรุ่น รวมเป็น 4 โมเดลหลัก ภายใต้ 2 ตัวถัง 2 ขุมพลัง คือ เบนซิน 3 สูบ 1.0 ลิตร เทอร์โบ และไฮบริด

 

Honda City Hatchback e:HEV เปิดตัววันที่ 24 มิถุนายน ที่ผ่านมา มีรุ่นย่อยเดียว ราคา 8.49 แสนบาท โดยราคาสูงกว่ารุ่นซีดาน 1 หมื่นบาท

ฮอนด้า ซิตี้ แฮตช์แบ็ก ไฮบริด

ฮอนด้า ซิตี้ แฮตช์แบ็ก ไฮบริด

ระบบไฮบริดที่ฮอนด้าเรียกว่า Sport Hybrid i-MMD ผมประทับครั้งแรกกับฮอนด้า แอคคอร์ด ทั้งโฉมก่อนหน้าและโฉมปัจจุบัน ที่ใช้เครื่องยนต์เบนซิน 2.0 ลิตร ผสานการทำงานกับมอเตอร์/เจเนอเรเตอร์ 2 ตัว ซึ่งเทคโนโลยีนี้ถูกถ่ายทอดมาให้รถยนต์นั่งขนาดเล็กอย่าง “ซิตี้ โฉมใหม่” เจเนอเรชันที่ 5

 

โครงสร้างของระบบไฮบริดเหมือนกันคือ มีเครื่องยนต์ และมอเตอร์/เจเนอเรเตอร์ 2 ตัว ส่งกำลังลงสู่ล้อหน้า แต่ด้วยขนาดตัวถังที่เล็กกว่า ฮอนด้า ซิตี้ ไฮบริด ใช้แค่เครื่อง ยนต์ขนาด 1.5 ลิตรก็เพียงพอ

 

หลักการทำงานของ Sport Hybrid i-MMD ออกแนวไฮบริดแบบซีรีย์ที่ใช้เครื่องยนต์ปั่นไฟ และขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าเป็นหลัก แต่ทั้งหลายทั้งปวงขึ้นอยู่กับสภาพการขับขี่ และปริมาณของแบตเตอรี่ลิเธียม ไอออนที่มีความจุเพียง 1 กิโลวัตต์ชั่วโมง

 

การออกตัวเบาๆ มอเตอร์ทำหน้าที่อย่างเดียว หลังจากนั้นเครื่อง ยนต์จะติดมาช่วยปั่นพลังงานไฟฟ้า แต่ยังใช้มอเตอร์ขับเคลื่อนอยู่ (ได้อารมณ์ขับ EV แต่รถยังกินนํ้ามัน ปล่อยไอเสีย) และกรณีความเร็วสูงเกิน 130 กม./ชม. เครื่องยนต์จะทำงานขับเคลื่อนเป็นหลัก และมีมอเตอร์ไฟฟ้ามาช่วยเสริมบ้าง

 

การขับในเมืองหรือความเร็วกลางๆ ดูประสิทธิผลจากจากมอเตอร์ไฟฟ้าตัวขับเคลื่อนได้เลยที่ 109 แรงม้าแรงบิด 253 นิวตันเมตร ด้วยบุคลิกของมอเตอร์ไฟฟ้า อัตราเร่งดี ตอบสนองเร็วทันใจ และให้สัมผัสของสมรรถนะต่างจากการขับรถเครื่องยนต์เดิมๆ (ICE) โดยเฉพาะรถที่ใช้เครื่องยนต์บล็อกเล็กและรีดกำลังด้วยเทอร์โบที่ให้ความแรงแบบกระโชกโฮกฮาก

 

…พูดง่ายๆ เหมือนที่เคยพูดหลายครั้งก็คือ แรงบิดสูงสุด 253 นิว ตัน-เมตร มันมาเต็มและจัดให้คุณได้ทันทีตั้งแต่คุณกดแป้นคันเร่ง (เซ็ต อัตราทดเกียร์และอัตราทดเฟืองท้าย ไว้ควบคุมความเร็วก่อนลงสู่เพลาขับ) และมาแบบเนียนๆ ทรงพลัง ให้ความรู้สึกเหนือชั้น

ด้วยระบบฟูลไฮบริดที่ฮอนด้าออกแบบมาเผื่อ การรองรับเทคโนโลยีปลั๊ก-อินไฮบริดในอนาคต (อย่างน้อยต้องเพิ่มความจุแบตเตอรี่) ให้สมรรถนะการขับขี่ยอดเยี่ยม และประหยัดนํ้ามันซึ่งการขับในเมืองตัวเลขจะตํ่ากว่านอกเมือง เพราะมีการรีชาร์จบ่อย และใช้มอเตอร์ขับเคลื่อนเป็นหลัก (เครื่อง ยนต์ทำงานสบายๆ ควบคุมรอบได้นิ่งๆ เพราะมีหน้าที่ส่วนใหญ่คือส่งกำลังผ่านเจเนอเรเตอร์ไปปั่นไฟไปเก็บในแบตเตอรี่)

ฮอนด้า ซิตี้ แฮตช์แบ็ก ไฮบริด

รีวิว "ฮอนด้า ซิตี้ แฮตช์แบ็ก ไฮบริด" ขับเนียน จิบนํ้ามัน

ฮอนด้า ซิตี้ แฮตช์แบ็ก ไฮบริด

ดังนั้น อัตราบริโภคนํ้ามันตามอีโคสติกเกอร์ ในเมืองจะอยู่ที่ 40 กม./ ลิตร ส่วนนอกเมือง 23.25 กม./ลิตรและโหมดเฉลี่ย 27.02 กม./ลิตร

 

ส่วนการลองขับของผม วัดในระยะทาง 50 กม.จากบางนาไปชลบุรีความเร็ว 100-110 กม./ชม. เป็นหลักแต่มีช่วงเบาหรือเร็วกว่านั้นบ้างเห็นตัวเลขแสดง 21.8 กม./ลิตรครับ

 

“ฮอนด้า ซิตี้ แฮตช์แบ็ก ไฮบริด” ดูจะมีความเป็นซิตี้คาร์ ขับนุ่ม สบายๆทั้งการตอบสนองของพวงมาลัย และช่วงล่างที่มาพร้อมล้ออัลลอยขนาด 16 นิ้ว ประกบยาง Maxxis 185/55 R16 ดังนั้นใครซื้อแล้วไปเปลี่ยนเป็นล้อขอบ 17 และมีหน้าสัมผัสยางเพิ่มขึ้น น่าจะให้ความหนึบแน่นมั่นใจอีกนิด (แต่ต้องแลกด้วยการกินนํ้ามันมากขึ้น)

รีวิว "ฮอนด้า ซิตี้ แฮตช์แบ็ก ไฮบริด" ขับเนียน จิบนํ้ามัน

รวบรัดตัดความ...ถ้าไม่นำเรื่องเซ็กเมนต์มาเป็นตัวตั้ง หรือคุณอาจจะมองว่าราคานี้ไปซื้อ ซีวิค 1.8 รุ่นเริ่มต้นได้ แต่ผมว่าการได้รถไฮบริด ขับดี ได้ความแรงแบบเนียนๆ แถมประหยัดนํ้ามัน มีความอเนกประสงค์จากตัวถังแฮตช์แบ็ก ภายในห้อง โดยสารกว้างขวาง และฟังก์ชันความปลอดภัยจัดเต็ม ในราคา 8.49 แสนบาท ฮอนด้า ซิตี้ แฮตช์แบ็ก ไฮบริด ถือเป็นทางเลือกที่คุ้มค่า ขณะที่โตโยต้า อัลติส ไฮบริด ที่สมรรถนะยอดเยี่ยมแต่ต้องจ่ายถึง 9.39 แสนบาท และก็ไม่ได้ของติดรถมาเยอะ เท่านี้นะครับ

เรื่อง : กรกิต กสิคุณ 

ภาพ : ฮอนด้า ออโตโมบิล ประเทศไทย 

ฮอนด้า ซิตี้ แฮตช์แบ็ก ไฮบริด

ฮอนด้า ซิตี้ แฮตช์แบ็ก ไฮบริด

หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3,695 หน้า 18 วันที่ 11 - 14 กรกฎาคม 2564