BMW นำเข้า iX3 จีน บุกตลาดรถยนต์ไฟฟ้า EV ในไทยปี 2564

17 ส.ค. 2563 | 11:45 น.

BMW iX3 เอสยูวีพลังงานไฟฟ้า 100% รุ่นใหม่ คาดว่า บีเอ็มดับเบิลยู ประเทศไทย มีแผนนำเข้าจาก จีน เปิดตัวในไทยปี 2564

บีเอ็มดับเบิลยู เล็งนำเข้าเอสยูวีพลังงานไฟฟ้า 100% รุ่น BMW iX3 จากจีน มาทำตลาดในไทยปีหน้า เสริมทัพกลุ่มรถปลั๊ก-อินไฮบริด ที่ประกอบในไทย สอดคล้องนโยบายบริษัทแม่ ที่ตั้งเป้าขายรถยนต์ไฟฟ้าให้ถึง 7 ล้านคันใน 10 ปีข้างหน้า หลังรถกลุ่มนี้ยอดขายเพิ่มขึ้นปีละ 30%

กลุ่มรถยนต์ไฟฟ้า xEV ของ บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประกอบด้วย อีวี ปลั๊ก-อินไฮบริด และฟิวเซลล์ พลังไฮโดรเจนที่เตรียมผลิตในปี 2568 โดยตั้งเป้าหมายเปิดตัวในตลาดโลกอย่างน้อย 25 รุ่น ภายในปี 2566 (ไม่นับรวมรถไมลด์ไฮบริด 48 โวลต์) แบ่งเป็น อีวี 12 รุ่น และปลั๊ก-อินไฮบริด 13 รุ่น ซึ่งประเดิมรุ่นแรกคือ BMW iX3 เอสยูวี EV ที่เพิ่งเปิดตัวไปสดๆร้อนๆ  

ขณะเดียวกันบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ยังตั้งเป้าหมายในปี 2564 จะมีรถยนต์ไฟฟ้าวิ่งบนท้องถนน (ทั่วโลก) ถึง 1 ล้านคัน และเพิ่มเป็น 7 ล้านคัน ในปี 2573 ซึ่งในปีเดียวกันนี้ คาดว่ายอดขายรถยนต์ไฟฟ้าจะมีส่วนแบ่งการตลาดถึง 50% ของรถทั้งหมดที่ขายในยุโรป

เมื่อบริษัทแม่บีเอ็มดับเบิลยู เอจี วางนโยบายและเป้าหมายของรถยนต์ไฟฟ้าไว้ไกลถึง 10 ปี พร้อมโปรดักต์ใหม่ๆ ที่จะตามมาอีกเพียบ เมืองไทยในฐานะฐานการผลิตที่สำคัญของภูมิภาคอาเซียน ย่อมวางกลยุทธ์เพื่อเดินตามวิสัยทัศน์นี้

ปัจจุบัน บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย มีรถยนต์ไฟฟ้าทำตลาดรวม 9 รุ่น แบ่งเป็นรถปลั๊ก-อินไฮบริด 7 รุ่นคือ BMW 330e, BMW 530e, BMW X5 xDrive45e, BMW 745Le xDrive รวมถึง i8 Coupe และ i8 Roadster ล่าสุดกับ X3 xDrive30e M Sport ราคา 3.659 ล้านบาท (รุ่นที่กล่าวมาประกอบในประเทศทั้งหมด ยกเว้น i8) ส่วน “อีวี” นำเข้ามี 2 รุ่นคือ BMW i3s และ มินิ คูเปอร์ เอสอี

ในกลุ่ม อีวี BMW i3s ราคา 3.73 ล้านบาท ยอดขายไม่สูงมาก ส่วน มินิ คูเปอร์ เอสอี ราคา 2.29 ล้านบาท ปีนี้ได้โควต้ามาแค่ 40 คันถูกสาวกชาวไทยจองเกลี้ยง

BMW นำเข้า iX3 จีน บุกตลาดรถยนต์ไฟฟ้า EV ในไทยปี 2564

แม้ บีเอ็มดับเบิลยู ยังไม่มีแผนประกอบรถพลังงานไฟฟ้า 100% “อีวี” ในไทย แต่กลุ่มรถขุมพลังปลั๊ก-อินไฮบริด ที่วางในรถยนต์รุ่นหลักๆ ถูกขึ้นไลน์ประกอบอย่างพร้อมหน้าพร้อมตาที่โรงงานบีเอ็ม ดับเบิลยู กรุ๊ป แมนูแฟคเจอริ่ง ภายใต้แพ็กเกจส่งเสริมการลงทุนของบีโอไอ มูลค่า 700 ล้านบาท

ขณะเดียวกัน ยังเจียดเงินส่วนหนึ่งจากงบลงทุนดังกล่าว มาร่วมกับ “แดร็คเซิลไมเออร์ กรุ๊ป” เปิดโรงงานประกอบแบตเตอรี่แรงดันสูงมูลค่า 500 ล้านบาท ที่ จ.ชลบุรี โดยเริ่มดำเนินการตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2562

ส่วนแผนทำตลาด “อีวี” มีโอกาสนำเข้าเอสยูวี BMW iX3 มาจาก โรงงานผลิตของบีเอ็มดับเบิลยู ที่เมืองเซิ่นหยาง ประเทศจีน (ลงทุนร่วมกับ Brilliance China Automotive Holdings) ซึ่งจีนและตลาดโลกพร้อมทำตลาดปลายปีนี้ แต่เมืองไทยคาดว่าจะได้เห็นการเปิดตัวในปี 2564

สำหรับ BMW iX3 พัฒนาภายใต้เทคโนโลยีใหม่ ระบบขับเคลื่อนไฟฟ้าเจเนอเรชั่นที่ 5 วางมอเตอร์ไฟฟ้า 1 ตัวขับเคลื่อนล้อหลัง ให้กำลัง 286 แรงม้า แรงบิด 400 นิวตันเมตร อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. 6.8 วินาที ความเร็วสูงสุด 180 กม./ชม. และแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน 74 กิโลวัตต์ชั่วโมง ชาร์จไฟเต็มหนึ่งครั้ง รถวิ่งได้ระยะทางสูงสุดประมาณ 460 กิโลเมตร

BMW iX3 ที่ใช้พื้นฐานร่วมกับ X3 ถือเป็นรถยนต์โมเดลแรกของบีเอ็มดับเบิลยู ที่มีขุมพลังในการทำตลาดครบทั้ง รุ่นเครื่องยนต์ เบนซิน ดีเซล ปลั๊ก-อินไฮบริด และอีวี ซึ่งในอนาคต X1 ซีรีย์ 5 และซีรีย์ 7 จะเจริญรอยตามแนวทางนี้เช่นกัน (มีขายทั้งรุ่นขุมพลังไฟฟ้าและรุ่นเครื่องยนต์)

ส่วนการพัฒนาสถานีอัดประจุไฟฟ้าสำหรับรถยนต์ไฟฟ้า บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ดำเนินงานผ่าน Charge Now และดีลเลอร์ทั่วประเทศ ปัจจุบันมีรวมทั้งสิ้น 63 สถานี รวม 141 หัวจ่าย

“เรามีความมุ่งมั่นในการเป็นผู้บุกเบิกด้านยานยนต์ไฟฟ้า และความยั่งยืนเสมอมา ล่าสุด เปิดตัว X3 xDrive30e M Sport รถยนต์ปลั๊ก-อินไฮบริด รุ่นใหม่ ส่งผลให้บีเอ็มดับเบิลยู มีทางเลือกยานยนต์ไฟฟ้าที่หลากหลาย ส่วนการสนับสนุนการขยายเครือข่ายสถานีอัดประจุไฟฟ้าสาธารณะ ChargeNow ทั่วประเทศ นับเป็นอีกหนึ่งแผนงานที่ตอกยํ้าความมุ่งมั่นของเรา ในการส่งเสริมอนาคตที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า โดยรองรับรถยนต์ไฟฟ้าทุกรุ่นและทุกแบรนด์” นายอเล็กซานเดอร์ บารากา ประธานบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย กล่าว

 

หน้า15 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 3,601 วันที่ 16 - 19 สิงหาคม พ.ศ. 2563