มาสด้า 3 โฉมใหม่ เดินทางมาถึงเจเนอเรชันที่ 4 มีแผนเปิดตัวอย่างเป็นทางการในเมืองไทยช่วงปลายเดือนกันยายนนี้ และก่อนถึงวันนั้นตามแผนงานก่อนแนะนำรถลงสู่ตลาด มาสด้า เซลส์ ประเทศไทย เชิญสื่อมวลชนให้ไปรู้จักแนวคิดการพัฒนาโดยเปิดเผยข้อมูลทางเทคนิคบางส่วน พร้อมลองขับสั้นๆที่สนามทดสอบยางโยโกฮามา จ.ระยอง
มาสด้าชอบจัดกิจกรรมแบบนี้ก่อนการเปิดตัวรถครับ ส่วนจะทำในเมืองไทยหรือญี่ปุ่นก็แล้วแต่ความพร้อมในช่วงเวลานั้นๆ เพราะจัด 1 ครั้งต้องระดมสรรพกำลังเยอะ ทั้งความพร้อมของรถ ทีมงานที่นำเข้าประสานงานกับพนักงาน-ผู้บริหารในประเทศ
ปีที่แล้วผมไปลองขับ มาสด้า โฉมใหม่ที่ประเทศญี่ปุ่น แต่คราวนั้นยังเป็นรถโปรโตไทป์ ใช้กระดองของมาสด้า3 โฉมเก่า การออกแบบภายในก็ยังไม่เรียบร้อย แค่ให้ลองขับและทำความรู้จักกับโครงสร้างใหม่ และเทคโนโลยีสกายแอคทีฟ เอ็กซ์ (SKYACTIV X) หรือเครื่องยนต์เบนซิน 2.0 ลิตร บล็อกใหม่
หลักการคือใช้ระบบไดเร็กต์อินเจ็กชัน มีระบบอัดอากาศแบบซูเปอร์ชาร์จ มี EGR วาล์วในการนำไอเสียกลับมาใช้ใหม่ กำลังอัด 16:1 ส่วนผสมของนํ้ามันบางๆ ใช้กำลังอัดในการจุดระเบิด (เหมือนเครื่องยนต์ดีเซล)ควบคู่ไปกับการจุดระเบิดด้วยหัวเทียน
นอกจากนี้ยังมีระบบ“ไมลด์ไฮบริด” (มีมอเตอร์ไฟฟ้าและแบตเตอรี่ลิเทียมไอออนลูกเล็กๆ) ซึ่งขุมพลังนี้ มาสด้าเคลมว่าประหยัดนํ้ามันกว่า สกายแอคทีฟ จี 20-30% แต่ให้แรงบิดมากกว่า 10-30% (รุ่นทดสอบที่ญี่ปุ่นกำลัง 190 แรงม้า)
ผมไล่มายืดยาว เพราะเพิ่งรู้ในวันลองขับที่สนามทดสอบยางโยโกฮามานั่นละครับว่า “สกายแอคทีฟ เอ็กซ์” ยังไม่มาใน “มาสด้า 3 โฉมใหม่” โดย “ธีร์ เพิ่มพงศ์พันธ์” รองประธานหนุ่มหล่อของ มาสด้า เซลส์ ประเทศไทย ยืนยันว่ายังไม่มีแผนนำเครื่องยนต์นี้มาประจำการกับคอมแพ็กต์คาร์รุ่นดังของค่าย
ส่วนเครื่องยนต์ที่ทำตลาดในไทยยังเป็นบล็อกเดิม ขนาด 2.0 ลิตร ที่ปรับปรุงประสิทธิภาพใหม่ แย้มว่าแรงบิดจะดีขึ้นแต่ปล่อยไอเสียลดลงเป็น 149 กรัม/กม.(รุ่นปัจจุบัน 150 กรัม/กม.) พร้อมส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด (เครื่องยนต์ 2.0 ลิตร ปัจจุบันให้กำลัง 165 แรงม้า แรงบิด 210 นิวตัน-เมตร)
เสียดายเครื่องยนต์ “สกายแอคทีฟ เอ็กซ์” แต่ไม่เสียใจหลังจากได้ทำความรู้จักกับมาสด้า 3 โฉมใหม่ช่วงสั้น ในภาพรวมรถดูพรีเมียมมากขึ้น ออกแบบภายใต้แนวคิด KODO เจเนอเรชันที่ 2 เรียบหรู มีชีวิตชีวาด้วยการเล่นกับแสงเงา การสะท้อน (สีแดงจะโดดเด่นมาก) ขณะที่มิติตัวถังสั้นและเตี้ยลง ความกว้างเท่าเดิม แต่ระยะฐานล้อเพิ่มขึ้น 25 มม.เป็น 2,725 มม.
ภายในพยายามวางองค์ประกอบต่างๆให้สมมาตร การออกแบบดูสบายตา ลดปุ่มควบคุมที่ไม่จำเป็นออกไป และเพิ่มในส่วนที่จำเป็นให้ใช้งานดีขึ้นเช่นหน้าจอแสดง ผลขนาดใหญ่ 8.8 นิ้ว (เดิม7นิ้ว) ขยับตำแหน่งให้สูงขึ้น รวมถึงเฮดอัพดิสเพลย์(มีในบางรุ่นย่อย) สะท้อนการแสดงผลตรงไปที่กระจกบังลมหน้า(เดิมมีจอเล็กๆตั้งโด่อยู่หลังพวงมาลัย) ขณะเดียวกันยังย้ายที่วางแก้ว/ขวดนํ้าไปอยู่หน้าคันเกียร์ เพื่อเพิ่มพื้นที่เก็บของตรงคอนโซลกลาง สอดคล้องกับการออกแบบที่วางแขนเป็นแบบเลื่อนหน้า-ถอยหลัง สะดวกในการใช้งาน
มาสด้า 3 โฉมใหม่ ออกแบบสวยงามทั้งภายนอกภายใน ส่วนการทำตลาดมีเครื่องยนต์เดียว บน 2 ตัวถังแฮตช์แบ็กและซีดาน แต่แบ่งหลายรุ่นย่อย แน่นอนว่าตัวท็อปใช้ล้ออัลลอย 18 นิ้ว ประกบยางโยโกฮามา แอดวานซ์ เดซิเบล 215/45 R18 และรุ่นเริ่มต้นเป็นล้อขอบ 16 นิ้ว (ยังไม่รู้ว่าใช้ยางอะไร) ส่วนใครที่สงสัยว่าช่วงล่างหลังเปลี่ยนจากมัลติลิงค์เป็นคานทอร์ชันบีม แล้วรู้สึกอย่างไร?
จริงๆผมได้ลองขับเปรียบเทียบทั้งรุ่นเก่ารุ่นใหม่ในอีเวนต์นี้ สรุปว่า โฉมใหม่เจเนอรชันที่4 ขับเนียนกว่าเดิมพอสมควร ถือเป็นความกลมกล่อมลงตัวของความนุ่มนวล หนึบแน่น การควบคุมแม่นยำเป็นธรรมชาติ นํ้าหนักพวงมาลัยไม่ขาดไม่เกิน ตามสไตล์มาสด้าที่ตั้งใจให้รถกับคนขับ หลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกัน (แต่มันก็เป็นการทดสอบในสนามที่วางเงื่อนไขต่างๆไว้แล้วพร้อมยางใหม่กริ๊บ)
รวบรัดตัดความ....ชื่นชมมาสด้าที่ทำรถใหม่ทุกเจเนอเรชันออกมาได้ประทับใจขึ้นเรื่อยๆ อารมณ์เหนือชั้นต่างจากแบรนด์ญี่ปุ่นด้วยกัน วันนี้เริ่มทำความรู้จักกันพอหอมปากหอมคอก่อนการเปิดตัวอย่างเป็นทางการปลายเดือนกันยายนนี้ และจดจ่อรอคอยกับการลองขับเต็มๆอีกครั้งครับ
คอลัมน์เทสต์ไดรฟ์
โดย : กรกิต กสิคุณ
หน้า 28-29 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 3,499 วันที่ 25 - 28 สิงหาคม พ.ศ. 2562