เชฟโรเลตเอาใจสายสปอร์ต ด้วยการส่ง คอร์เวทท์ สติงเรย์ รุ่นปี 2020 ที่มาพร้อมกับเครื่องยนต์วางกลาง ซึ่งถือเป็นครั้งแรกของรถในรุ่นนี้
สำหรับความพิเศษของรถรุ่นนี้ แน่นอนว่าไฮไลท์คือ การวางเครื่องยนต์จากเดิมที่วางหน้ามาสู่เครื่องยนต์วางกลาง ทำให้การกระจายน้ำหนักดีขึ้น เพราะจะถ่ายเทน้ำหนักไปทางด้านหลังเพื่อเพิ่มสมรรถนะบนทางตรงและบนสนามแข่ง ,การตอบสนองที่ดียิ่งขึ้น ควบคุมแม่นยำ ,อัตราเร่งจาก 0- 60 ไมล์ต่อชั่วโมงที่เร็วที่สุดสำหรับคอร์เวทท์รุ่นเริ่มต้น โดยใช้เวลาประมาณ 3 วินาทีเมื่อมาพร้อมกับแพ็กเกจ Z51
การปรับตำแหน่งฝากระโปรง มาตรวัดและพวงมาลัยต่ำลงทำให้ทัศนวิสัยเสมือนนั่งอยู่ในรถแข่ง ส่วนที่พัฒนาเพิ่มขึ้นมาคือพื้นที่เก็บสัมภาระใต้ฝากระโปรงสองตำแหน่งมีความจุรวม 12.6 ลูกบาศก์ฟุต เหมาะสำหรับกระเป๋าสัมภาระหรือถุงกอลฟ์ซัก 2 ใบ
หัวใจหรือขุมพลังของรถรุ่นนี้มาพร้อมเครื่องยนต์Small Block V-8 LT2 ความจุ 6.2 ลิตร เจนเนอเรชั่นใหม่ของเชฟโรเลต ซึ่งเป็นขุมพลัง V-8 แบบไร้ระบบอัดอากาศรุ่นเดียวในกลุ่มเดียวกัน มีพละกำลัง 495 แรงม้า (369 กิโลวัตต์) และแรงบิด 470 ฟุต-ปอนด์ (637 นิวตันเมตร) เมื่อติดตั้งท่อไอเสียสมรรถนะสูง ถือเป็นรถคอร์เวทท์รุ่นเริ่นต้นที่มีแรงม้าและแรงบิดสูงที่สุด
เครื่องยนต์ LT2 เจนเนอเรชั่นใหม่ยังประกบคู่กับระบบเกียร์ดูอัลคลัตช์ 8 สปีดรุ่นแรกของเชฟโรเลต และ คอร์เวทท์รุ่นใหม่ เพิ่มรูปแบบการขับขี่จาก 4 รูปแบบการขับขี่เป็น 6 รูปแบบได้แก่ Weather, Tour, Sport ,Track ,MyMode และ Z mode
ดีไซน์และรูปลักษณ์ภายนอกของคอร์เวทท์ สติงเรย์ รุ่นปี 2020 ประกอบไปด้วยโครงสร้างรถที่เยื้องมาด้านหน้าได้แรงบันดาลใจมาจากเครื่องบินขับไล่ F22 และ F35 รวมถึงเครื่องบินรบยุคใหม่และรถแข่งฟอร์มูล่าวัน
ภายในห้องโดยสาร เมื่อเครื่องยนต์ถูกจับวางกลาง ก็มีการเลื่อนมาด้านหน้า 16.5 นิ้ว ,ระบบควบคุมอากาศแนวตั้งและช่องแอร์ที่มีขนาดบางมากลดความสูงของแผงแดชบอร์ดหน้า ทำให้ห้องโดยสารเตี้ยและให้ความรู้สึกกว้างขวาง ,พวงมาลัยวงเล็กแบบสองก้านตัดตรงที่ขอบบนและขอบล่างรุ่นใหม่ไม่บดบังมุมมองต่อหน้าจอแสดงผลมาตรวัดขนาด 12 นิ้วที่ปรับเปลี่ยนได้
การตกแต่งด้วยคาร์บอนไฟเบอร์สำหรับเบาะ GT2 และ Competition Sport Seats ,มีวัสดุอลูมิเนียมหรือคาร์บอนไฟเบอร์แท้ให้ลูกค้าเลือกตกแต่งคอนโซลและแผงประตู และที่พิเศษสุดคือลูกค้าสามารถเลือกสร้างสรรค์งานออกแบบของตนเอง ด้วยออปชั่นที่มีให้เลือกมากที่สุดเท่าที่เคยมีมาสำหรับคอร์เวทท์ โดยมี
สีตัวถัง 12 สี ได้แก่ แดง Torch Red, ขาว Arctic White, ดำ Black, เงิน Blade Silver Metallic, เทา Shadow Gray, เทา Ceramic Matrix Gray, แดง Long Beach Red, ฟ้า Elkhart Lake Blue ,ส้ม Sebring Orange ,ฟ้า Rapid Blue, บรอนซ์ Zeus Bronze และเหลือง Accelerate Yellow
ส่วนห้องโดยสาร มี 6 รูปแบบ ดำJet Black, เทา Sky Cool Gray, แดง Adrenaline Red, น้ำตาล Natural/ Natural Dipped, ฟ้า Two-Tone Blue และแดง Morello Red
สีเข็มขัดนิรภัย 6 สี ดำ Black,ฟ้า Blue, น้ำตาล Natural, แดง Torch Red, เหลือง Yellow และส้ม Orange ,การเดินตะเข็บมีให้เลือก 2 สีเหลืองและแดง ขณะที่ห้องโดยสารสีดำมาตรฐานจะมาพร้อมการเดินตะเข็บสีเทา Sky Cool Gray
รถรุ่นใหม่ยังมาพร้อมฟีเจอร์มากมาย ไม่ว่าจะเป็น ระบบอินโฟเทนเมนท์เจนเนอเรชั่นใหม่ ,การเชื่อมต่อบลูทูธแบบวัน ทัช ครั้งแรกในรถยนต์เชฟโรเลต พร้อมการสื่อสารไร้สายระยะสั้นNearField Communication,การชาร์จไฟไร้สาย,ระบบสั่งงานด้วยเสียง ,แจ้งสภาพการจราจรแบบเรียลไทม์,จอแสดงผลมาตรวัดรุ่นใหม่ขนาด 12 นิ้ว
นอกจากนั้นแล้วยังมาพร้อมระบบ Performance Data Recorder ซึ่งถือเป็นครั้งแรกในอุตสาหกรรมยานยนต์สำหรับระบบวิเคราะห์การขับขี่ที่ปรับปรุงใหม่ด้วยกล้องความละเอียดสูงและอินเตอร์เฟซรุ่นใหม่ในรถ ลูกค้าสามารถบันทึกการขับขี่ทั้งในสนามแข่งและบนถนนทั่วไปในการเดินทางจากจุดเริ่มต้นถึงจุดหมาย ระบบ PDR สามารถปรับตั้งให้บันทึกได้โดยอัตโนมัติเหมือนกับกล้องติดรถที่เริ่มบันทึกทุกครั้งที่คอร์เวทท์เคลื่อนที่ หรือปรับตั้งให้เริ่มบันทึกเมื่ออยู่ในรูปแบบการขับขี่ Valet
สำหรับเชฟโรเลต คอร์เวทท์ สติงเรย์ ปี 2020 จะขึ้นถูกผลิตในสายการผลิตที่ศูนย์การผลิตโบว์ลิงกรีนของจีเอ็มในช่วงปลายปี 2562 โดยราคาจำหน่ายและข้อมูลเพิ่มเติมจะมีการประกาศอีกครั้งในวันเปิดตัวอย่างเป็นทางการของรถรุ่นนี้ในตลาดโลก