ครม. มีมติปรับโครงสร้างอัตราภาษีสรรพสามิตรถจักรยานยนต์ใหม่ โดยหันมาคิดตามการปล่อยไอเสีย ด้านรถพลังงานไฟฟ้า “อีวี” เสียแค่ 1% ดีเดย์ 1 มกราคม 2563 คาดราคาขึ้น 200 – 1,500 บาท ต่อคัน
นายณัฐพร จาตุศรีพิทักษ์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่คณะรัฐมนตรี(ครม.) วันที่ 7 พ.ค. 62 มีมติเห็นชอบกำหนดพิกัดอัตราภาษีสรรพมิตรสำหรับรถจักรยานยนต์ โดยเปลี่ยนจากคิดตามความจุกระบอกสูบ เป็นจัดเก็บภาษีตามค่าการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (Co2) เพื่อให้เป็นไปตามการจัดเก็บภาษีเพื่อสิ่งแวดล้อม ทั้งนี้ อัตราภาษีใหม่จะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2563
- รถจักรยานยนต์พลังงานไฟฟ้า “อีวี” จัดเก็บอัตรา 1%
จักรยานยนต์เชื้อเพลิงหรือแบบผสมไฮบริด ขึ้นอยู่กับการปล่อยค่า Co2
- ไม่เกิน 10 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บอัตรา 1%
- ระหว่าง 10-50 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บอัตรา 3%
- ระหว่าง 50-90 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บอัตรา 5%
- ระหว่าง 90-130 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บอัตรา 9%
- เกิน 130 กรัมต่อกิโลเมตร ร้อยละ จัดเก็บอัตรา 18%
สำหรับรถจักรยานยนต์ต้นแบบเพื่อวัตถุประสงค์นำเข้าเพื่อการวิจัยและพัฒนา ทดสอบสมรรถนะและไม่ผ่านการจำหน่ายในท้องตลาดเป็นการทั่วไปและไม่เคยได้รับการยกเว้นภาษีสรรพสามิตมาก่อนให้ยกเว้นภาษี ส่วนรถจักรยานยนต์ประเภทอื่นคิดอัตราภาษีอยู่ที่ 20%
“ทั้งนี้ จากการประเมินอัตราภาษีสรรพสามิตใหม่จะทำให้ราคาจักรยานยนต์ขนาดเล็กในปัจจุบันเพิ่มขึ้นคันละ 200 บาท ขณะที่รถจักรยานยนต์ประเภทออฟโรดหรือกึ่งสปอร์ตจะเพิ่มขึ้นคันละ 1,500 บาท”
นายณัฐพร กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ครม.ยังมีมติเห็นชอบรถยนต์ที่ใช้แล้วเป็นสินค้าต้องห้ามหรือต้องขออนุญาตในการนำเข้าในราชอาณาจักรเพื่อลดผลกระทบสภาวะจากฝุ่นละอองและลดปริมาณนำเข้ารถยนต์ที่ใช้แล้วที่ไม่มีความจำเป็นและอาจส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ทั้งนี้ คำนิยามรถยนต์ที่ใช้งานแล้วหมายถึงรถยนต์ที่มีการใช้งานแล้วหรือมีลักษณะดังนี้ 1.เป็นรถยนต์ที่ผ่านการใช้งานตามปกติวิสัยแล้ว เว้นแต่เป็นการใช้งานเกิดขึ้นเนื่องจากการทดสอบคุณภาพเพื่อจัดจำหน่ายหรือจัดส่งไปยังแหล่งจำหน่าย ถ้าเป็นรถยนต์รุ่นเก่าให้สันนิฐานเบื้องต้นว่าเป็นรถยนต์ที่ใช้แล้ว
สำหรับรถยนต์ที่จดทะเบียนในต่างประเทศแล้วให้ถือว่าเป็นรถยนต์ที่ใช้แล้ว แต่ไม่รวมถึงรถยนต์ที่จดทะเบียนใช้งานครั้งแรกในต่างประเทศก่อนบรรทุกลงในยานพาหนะจากต้นทางไม่เกิน 60 วัน
ทั้งนี้ ประเภทรถยนต์ต้องห้ามนำเข้า ได้แก่ รถยนต์ที่ใช้แล้วตามพิกัดศุลกากร ดังนี้ รถแทรคเตอร์เพลาเดียว รถแทคเตอร์ทำการเกษตร รถโดยสารประจำทางขนาดเล็ก รถโดยสาร รถโดยสารประจำทาง รถนั่งส่วนบุคคล รถแข่ง รถดัมพ์ กระบะ รถบรรทุก สำหรับรถยนต์ที่ต้องขออนุญาตนำเข้า ได้แก่ รถหัวลาก รถพยาบาล รถเครน รถดับเพลิง