“สันติ”เสียงแข็ง ไม่มีใครสั่ง “คลัง” ลงนามท่อส่งน้ำ EEC ได้

07 มิ.ย. 2565 | 07:40 น.

“สันติ” ลั่นไม่มีใครสั่งคลัง ลงนามสัญญาท่อส่งน้ำ EEC ได้ ชี้ต้องรอผลตรวจสอบการประมูลท่อน้ำ EEC ให้ชัดเจนก่อน หลัง รมว. คลังสั่งตรวจสอบเพิ่มให้เสร็จภายใน 30 วัน

นายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยถึง กรณี บริษัท วงษ์สยาม ก่อสร้าง จำกัด ได้ส่งจดหมายถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง และอธิบดีกรมธนารักษ์ ขอนัดหมายเพื่อลงนามสัญญาโครงการบริหารและดำเนินกิจการระบบท่อส่งน้ำสายหลักในภาคตะวันออก ภายในวันที่ 17 มิ.ย.65 ในฐานะผู้ชนะการประมูลนั้น ไม่ใช่เรื่องที่ใครจะมากำหนดหรือมาสั่งการกระทรวงการคลังได้

ซึ่งยังต้องรอกระบวนการตรวจสอบเพิ่มเติม ตามที่นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้สั่งการเพิ่มเติมไปยังคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงฯ ให้มีการตรวจสอบเพิ่มเติมในประเด็นปริมาณน้ำและศักยภาพของท่อส่งน้ำ

 

ซึ่งจากระยะเวลาที่ให้ไปตรวจสอบก่อนหน้านี้นั้นกระชันชิดเกินไป ทำให้ไม่สามารถตรวจสอบได้ทัน แต่ทั้งนี้ทางคณะกรรมการฯ ได้มีการส่งผลการตรวจสอบในส่วนของกระบวนการและข้อกฎหมายมาเรียบร้อยแล้วก่อนหน้านี้

“ไม่มีใครมาสั่งคลังได้ ไม่ใช่เรื่องที่ใครจะมาสั่งได้ว่าต้องลงนามภายในวันนั้น วันนี้ เพราะยังอยู่ในกระบวนการตรวจสอบเพิ่ม ซึ่งประเด็นนี้ต้องทำให้ชัดเจน เพราะมีความเกี่ยวข้องหลายฝ่าย และเป็นประเด็นที่สนใจของประชาชน ต้องดูให้ครบถ้วนตามที่ฝ่ายค้านให้ความสงสัยมาด้วย” นายสันติ กล่าว  

 

อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้ บริษัท วงษ์สยามก่อสร้าง จำกัด ได้ทำหนังสือถึงอธิบดีกรมธนารักษ์ ลงวันที่ 30 พฤษภาคม 65 และทำหนังสือถึงนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังและนายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการ กระทรวงการคลังในฐานะกำกับดูแลกรมธนารักษ์ ลงวันที่ 31 พฤษภาคม 2565

 

เพื่อขอสงวนสิทธิ์ในการฟ้องร้องดำเนินคดีต่อหน่วยงานของรัฐ พนักงาน เจ้าหน้าที่ และบุคคลที่เกี่ยวข้อง ทั้งทางอาญาและทางแพ่ง หากยังไม่มีความชัดเจนและล่าช้า ในการลงนามสัญญากับริษัทในฐานะผู้ชนะการประมูลโครงการบริหารท่อส่งน้ำอีอีซี ซึ่งได้เลื่อนจากวันที่ 3 พฤษภาคม 65 ออกไปไม่มีกำหนด

 

และล่าสุด วันที่ 6 มิถุนายน 65  บริษัท วงษ์สยามก่อสร้าง จํากัด ได้ทำหนังสือถึงกรมธนารักษ์อีกครั้ง เพื่อขอนัดหมาย ลงนามสัญญาโครงการบริหารและดําเนินกิจการระบบท่อส่งน้ำสายหลักในภาคตะวันออก(อีอีซี) ภายในวันที่ 17 มิถุนายน 2565

 

พร้อมระบุ เนื่องจากกระบวนการเปิดประมูลโครงการบริหารท่อส่งน้ำอีอีซีเป็นไปอย่างถูกต้อง หากประวิงเวลาในการปฎิบัติตามพันธะของรัฐที่มีต่อบริษัทย่อมก่อให้เกิดความเสียหายต่อบริษัทจนไม่อาจเยียวยาได้ พร้อมขอสงวนสิทธิ์ในการดำเนินคดีต่อหน่วยงานของรัฐ พนักงาน  เจ้าหน้าที่ และบุคคลที่เกี่ยวข้องทั้งทางอาญาและทางแพ่งจนถึงที่สุด