เตือนภาพลวงตากับดักหุ้นปันผล อย่ามองแค่ยีลด์สูง

นายกิจพณ ไพรไพศาลกิจ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ และนักกลยุทธ์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.)ยูโอบีเคย์เฮียน(ประเทศไทย) กล่าวกับ "ฐานเศรษฐกิจ"ว่า ผลประกอบการในปี 2564 เป็นปีที่ฟื้นจากสถานการณ์โควิด ทำให้บริษัทจดทะเบียน (บจ.)หลายแห่งสามารถจ่ายเงินปันผลตอบแทนได้ค่อนข้างดี แต่ต้องระวังกับดักในการลงทุนหุ้นปันผล  เพราะผลตอบแทนที่มองว่าจ่ายดี เป็นการมองจาก 12 เดือนที่ผ่านมา ไม่ใช่การคาดการณ์ ซึ่งหุ้นบางตัวได้ผ่านช่วงผลประกอบการหรือจุดที่ดีไปแล้ว

เช่นหุ้นกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากสถานการณ์โควิด หุ้นกลุ่มถุงมือยาง หุ้นธุรกิจประกันบางตัว ทำให้สามารถจ่ายปันผลครึ่งแรกปี 2664 ( ปันผลระหว่างกาล) ค่อนข้างดี  แต่ผลประกอบการครึ่งหลังปี 2564 หรือใน 2565 อาจไม่ดี หรือหุ้นปูน ธุรกิจหลักมาจาก"ปิโตรเคมี" แนวโน้มปีนี้อาจไม่สดใสเหมือนปีก่อน อีกทั้งยังมีต้นทุนน้ำมัน  ซึ่งธุรกิจที่มีต้นทุนน้ำมัน จะส่งผลกระทบต่อผลดำเนินงานในปีนี้ การเข้าลงทุนจึงต้องระวัง
 

"ปัญหาของการลงทุนในหุ้นปันผล เรามักจะเห็น การลงทุนตามตารางจ่ายปันผลที่มาจากช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา ซึ่งส่วนใหญ่ที่เกิดขึ้นจริงไปแล้ว หรือผ่านจุดสูงสุดไปแล้ว ดังนั้นนักลงทุนเวลาซื้ออาจไม่รู้ว่าหุ้นบางตัวนั้นเป็นขาลงแล้ว จึงต้องระวังและศึกษาข้อมูล"
 

จัด 8 หุ้นปันผล"เติบโตดี- ปันผลต่อเนื่่อง"

อย่างไรก็ดีในเดือนก.พ.ยังมีหุ้นปันผลหลายตัวที่สามารถเข้าลงทุน แนะว่าควรเข้าซื้อก่อนหน้าประกาศผลประกอบการ  กลุ่มที่มีแนวโน้มฟื้นตัวได้ดีในปีนี้ได้แก่ กลุ่มสื่อสาร บริโภค อสังหาเพื่อที่อยู่อาศัย  ฯลฯ ซึ่งได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ หุ้นปันผลเด่นในกลุ่มนี้ได้แก่
 

ADVANC ( ให้ราคาเป้าหมายที่ 244 บาท ), DTAC ( ราคาเป้าหมาย 47 บาท  ) , AP  (ราคาเป้าหมาย 11.25 บาท) , LH  (ราคาเป้าหมาย 10.10 บาท ) SPALI (ราคาเป้าหมาย 26.50 บาท) , FSMART (ราคาเป้าหมาย 13 บาท ) , EASTW (ราคาเป้าหมาย 12 บาท )  และ  WHAUP (ราคาเป้าหมาย 5 บาท ) 
 

"หุ้น DTAC ยังมีอัพไซด์และโอกาสเติบโตภายหลังการควบรวมกับทรู ซึ่งราคาเป้าหมายที่ให้ยังไม่ได้บวกในส่วนนี้ "