เวียดนามในแง่ผลตอบแทนจากการลงทุนในปีที่ผ่านมาถือเป็นอีกตลาดที่น่าสนใจนอกเหนือจากตลาดยอดฮิตทั้งสหรัฐฯ จีน และอินเดีย โดยผลตอบแทนของกองทุนเวียดนาม 5 อันดับแรกพบว่ามีผลตอบแทนสูงถึง 30-40%ในปีที่ผ่านมา
สำหรับกองทุนหุ้นเวียดนามที่มีผลตอบแทนสูงสุด 5 อันดับคือ
ผลตอบแทนระดับนี้เชิญแขก ใส่ซอง กินโต๊ะ ได้เลยหรือป่าวอย่าเพิ่งรีบตัดสินใจ เพราะจะตกลงปลงใจลงทุนกับอะไรอย่าลืมว่าผลตอบแทนในอดีตมิได้ชี้วัดผลงานในอนาคตเสมอไป
ฉนั้น คำถามต่อจากนี้คือ แนวโน้มในปีนี้จะเป็นอย่างไร เวียดนามยังมีเสน่ห์ และน่าสนใจเหมือนในปีที่ผ่านมาหรือไม่?
ยุทธพล ชุลีคร ผู้อำนวยการอาวุโส บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน(บลจ.) ยูโอบี (ประเทศไทย) บอกถึงเรื่องนี้ว่า แม้ว่าตลาดหุ้นเวียดนามจะปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างร้อนแรงในปีที่แล้วแต่อย่างไรก็ดีเมื่อพิจารณาในเชิงมูลค่าพื้นฐาน (Valuation)จาก Earnings Yield Gap พบว่าตลาดหุ้นเวียดนามยังเทรดอยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกับค่าเฉลี่ยระยะยาวสะท้อนว่าราคายังอยู่ในระดับที่เหมาะสม**
การเติบโตกำไรของบริษัทจดทะเบียนจะเป็นปัจจัยที่ขับเคลื่อนตลาดที่สำคัญในปีนี้ซึ่งตลาดหุ้นเวียดนามยังมีแนวโน้มที่จะปรับคาดการณ์กำไรของบริษัทจดทะเบียน (Earning Revision) เพิ่มขึ้น โดยนักวิเคราะห์มองว่ากำไรของบริษัทจดทะเบียนมีโอกาสเติบโตได้ในระดับ 15% - 20% ในปี 2022 (ข้อมูลจาก Bloomberg ณ วันที่ 6/1/2022)และยังมี Upside จากการถูกปรับคาดการณ์กำไรได้อีกตามภาพการเปิดเศรษฐกิจและเปิดประเทศในช่วงไตรมาส 2/2022
อย่างไรก็ตาม**ทิศทางการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่เร็วขึ้นจากกลุ่มประเทศพัฒนาแล้วอย่างสหรัฐอเมริกาก็อาจจะส่งผลกระทบต่อระดับ P/E Ratioของตลาดหุ้นทั่วโลกรวมถึงเวียดนามที่อาจจะถูกปรับลดลง (P/E De-Rating) เพื่อสะท้อนภาพสภาพคล่องที่ลดลง โดยกลยุทธ์การลงทุนที่แนะนำคือให้อาศัย ช่วงตลาดมีความผันผวนสูงเพื่อทยอยสะสมการลงทุนในตลาดหุ้นเวียดนามควบคู่ไปกับการใช้ Stock Selection ผ่านกองทุนที่สามารถเข้าถึงข้อมูลการลงทุนโดยตรงจากท้องถิ่น ซึ่งจะทำให้สามารถสร้างโอกาสรับผลตอบแทนที่โดดเด่นได้**
โดยรวมแล้วการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนจะเป็นจุดเด่นที่ทำให้ตลาดหุ้นเวียดนามมีความน่าสนใจต่อจากปีที่แล้ว นัยว่ายังมีโอกาสไปต่อได้อีกแม้จะต้องเผิชญกับความผันผวนจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของกลุ่มประเทศพัฒนาแล้วก็ตาม
ไม่ใช่แค่ปีนี้เท่านั้นแต่ถ้ามองในระยะ 3-5 ปีข้างหน้าเวียดนามยังถือเป็นตลาดที่น่าสนใจอยู่ไหม
ยุทธพล บอกถึงมุมมองต่อการลงทุนในเวียดนามอีกว่า เรามองว่าเศรษฐกิจเวียดนามจะมีปัจจัยสนับสนุนระยะยาว 3-5 ปี ข้างหน้าอยู่หลายด้าน แต่ดถ้ามองปัจจัยพื้นฐานเลยน่าจะมีอยู่ 3 ด้านหลักๆด้วยกันประกอบด้วย
นอกจากนี้ ณ ปัจจุบัน ประเทศเวียดนามยังเป็นสังคมเงินสด หนี้ภาคครัวเรือนยังคงอยู่ในระดับต่ำ(Household Debt to GDP ของเวียดนามในปี 2020 อยู่ที่ 46% เทียบกับประเทศไทยที่อยู่ที่ประมาณ 90% ) หรือในอีกแง่หนึ่งคือโอกาสสำหรับภาคธนาคารที่จะนำเสนอบริการและการเข้าถึงแหล่งเงินทุนซึ่งจะเป็นตัวกระตุ้นการใช้จ่ายในอนาคตได้ด้วยเช่นกัน
ทั้งหมดเป็นความเห็นและข้อมูลความน่าสนใจของตลาดเวียดนาม ซึ่งสรุปแล้วด้านการลงทุนกับการสร้างผลตอบแทนเวียดนามยังมีโอกาสไปต่อในปีนี้และในอีก 3-5 ปีข้างหน้าก็ถือเป็นอีกตลาดที่น่าสนใจ ไม่น้อยกว่าตลาดหลักๆอย่าง สหรัฐ จีน และอินเดียเลยทีเดียว