ดาวโจนส์ปิดปรับตัวลงเล็กน้อย ผิดหวังผลประกอบการ บจ.อ่อนแอ

24 พ.ย. 2564 | 23:28 น.

ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ปิดวันพุธ(24พ.ย.) ปรับตัวลง 0.03% หลังบริษัทจดทะเบียนรายใหญ่ซึ่งรวมถึงนอร์ดสตรอม และแก๊ป อิงค์ เปิดเผยผลประกอบการที่ต่ำกว่าคาด ขณะที่ดัชนี S&P500 และ Nasdaq ปิดในแดนบวก ปัจจัยหนุนจากแรงซื้อหุ้นกลุ่มกลุ่มอสังหาฯ และกลุ่มเทคโนโลยี

ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ปรับตัวลง 9.42 จุด หรือ - 0.03% ปิดที่ 35,804.38 จุด ดัชนีเอสแอนด์พี 500 เพิ่มขึ้น 10.76 จุด หรือ 0.23% ปิดที่ 4,710.46 จุด และดัชนีแนสแด็ก เพิ่มขึ้น 70.09 จุด หรือ 0.44% ปิดที่ 15,845.23 จุด

 

นักวิเคราะห์จากบริษัท AXS Investments ในรัฐนิวยอร์กกล่าวว่า บรรยากาศการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กได้รับแรงกดดันจากผลประกอบการที่อ่อนแอของบริษัทจดทะเบียน รวมทั้งความวิตกเกี่ยวกับโรคโควิด-19 ที่แพร่ระบาดรอบใหม่ในยุโรป และกระแสคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย หลังจากที่เฟดเปิดเผยรายงานการประชุมครั้งล่าสุด

 

ทั้งนี้ คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของเฟด (FOMC) เปิดเผยรายงานการประชุมประจำเดือนพ.ย.เมื่อคืนนี้ โดยระบุว่า เฟดมีความพร้อมที่จะเร่งเวลาในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย และปรับลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) หากตัวเลขเงินเฟ้อยังคงอยู่ในระดับสูง

 

หุ้นนอร์ดสตรอม ซึ่งเป็นห้างสรรพสินค้ารายใหญ่ของสหรัฐ ร่วงลง 29.03% หลังบริษัทเปิดเผยกำไรต่อหุ้นในไตรมาส 3 ที่ระดับ 39 เซนต์ ซึ่งต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 56 เซนต์ นอกจากนี้ นอร์ดสตรอมระบุว่าบริษัทกำลังเผชิญปัญหาห่วงโซ่อุปทานในช่วงก่อนเทศกาลชอปปิงในวันหยุด รวมถึงเทศกาลคริสต์มาสและปีใหม่

 

หุ้นแก๊ป อิงค์ ซึ่งเป็นบริษัทค้าปลีกเครื่องแต่งกายรายใหญ่ของสหรัฐ ร่วงลง 24.05% หลังบริษัทเปิดเผยกำไรต่อหุ้นในไตรมาส 3 ที่ระดับ 27 เซนต์ ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ 50 เซนต์ ขณะที่รายได้อยู่ที่ระดับ 3.94 พันล้านดอลลาร์ ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ 4.44 พันล้านดอลลาร์

 

สวนทางกับหุ้นในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์และหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีปรับตัวขึ้น ซึ่งเป็นปัจจัยหนุนดัชนี S&P500 และ Nasdaq ปิดในแดนบวก โดยหุ้นโจนส์ แลง ลาซาลล์ พุ่งขึ้น 1.64% หุ้นซีบีอาร์อี กรุ๊ป เพิ่มขึ้น 0.39% หุ้นซีทีโอ เรียลตี้ โกร้ธ บวก 0.11%

ส่วนหุ้นในกลุ่มเทคโนโลยีนั้น หุ้น Nvidia พุ่งขึ้น 2.92% หุ้นเมตา แพลทฟอร์มส์ (เฟซบุ๊ก) ดีดขึ้น 1.13% หุ้นอินเทล เพิ่มขึ้น 1.34% หุ้นไมครอน เทคโนโลยี ปรับตัวขึ้น 0.94%  หุ้นเอชพี อิงค์ พุ่งขึ้น 10.10% และหุ้นเดล เทคโนโลยีส์ พุ่งขึ้น 4.81% หลังจากทั้งสองบริษัทเปิดเผยผลประกอบการที่ดีเกินคาดในไตรมาส 3 ขานรับความต้องการคอมพิวเตอร์พีซีที่เพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่ง
          

หุ้นเทสลา ดีดตัวขึ้น 0.63% แม้คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐ (SEC) ระบุว่า นายอีลอน มัสก์ ได้เทขายหุ้นเทสลาอีก 934,000 หุ้นในวันอังคาร (23 พ.ย.) คิดเป็นมูลค่าราว 1.05 พันล้านดอลลาร์ ส่งผลให้ยอดรวมการขายหุ้นในเดือนนี้ของนายมัสก์อยู่ที่ระดับ 9.85 พันล้านดอลลาร์

 

ทั้งนี้ทางการสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งเมื่อคืนนี้ ซึ่งรวมถึงผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประจำไตรมาส 3/2564 ที่ขยายตัว 2.1% ซึ่งสูงกว่าตัวเลขประมาณการครั้งแรกที่ระดับ 2.0%

 

ขณะที่ตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง 71,000 ราย สู่ระดับ 199,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นระดับต่ำที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 15 พ.ย. 2512 ส่วนดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ทั่วไป ซึ่งรวมหมวดอาหารและพลังงาน พุ่งขึ้น 5.0% ในเดือนต.ค. เมื่อเทียบรายปี ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย.2533

 

อย่างไรก็ดี ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนของสหรัฐ เช่น เครื่องบิน รถยนต์ และเครื่องจักรขนาดใหญ่ที่มีอายุการใช้งานตั้งแต่ 3 ปีขึ้นไป ลดลง 0.5% ในเดือนต.ค. หลังจากลดลง 0.4% ในเดือนก.ย.
                    

อนึ่งตลาดหุ้นนิวยอร์กจะปิดทำการในวันนี้ (25 พ.ย.) เนื่องในวันขอบคุณพระเจ้า (Thanksgiving Day) และจะเปิดทำการซื้อขายเพียงครึ่งวันในวันศุกร์ที่ 26 พ.ย.