หุ้นแบงก์คึกคัก รับแบงก์ชาติไฟเขียวปันผลปี64

22 พ.ย. 2564 | 11:13 น.

หุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์สดใส หลังธปท.ปลดล็อกจ่ายเงินปันผลปี 2564 โบรกมองเป็นสัญญาณที่ดี สะท้อนเงินกองทุนเพียงพอ ชี้เอ็นพีแอลไม่สูง คาดปี 65 ทยอยตั้งสำรองลดลง

จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ตั้งแต่ต้นปี 2563 ส่งผลกระทบเป็นวงกว้าง รวมไปถึงการงดจ่ายเงินปันผลของหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ เพื่อให้มีสภาพคล่องเพียงพอในการรองรับวิกฤติและสามารถดูแลลูกค้าได้อย่างทั่วถึง ล่าสุดหลังจากสถานการณ์เริ่มคลี่คลาย ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)ได้อนุญาตให้จ่ายเงินปันผลระหว่างกาลได้ แต่กำหนดให้จ่ายเงินปันผลไม่เกินอัตรา 50% ของกำไรสุทธิประจำปี 2564 ทำให้หุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์กลับมาคึกคักอีกครั้ง

 

รายงานข่าวจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.)เปิดเผยว่า ราคาหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ตั้งแต่วันที่ 15-17 พฤศจิกายน 2564 ปรับเพิ่มขึ้นทั้ง 10 แห่ง โดยธนาคารขนาดใหญ่ 3 แห่งปรับขึ้นสูงสุดคือ ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) (SCB) เพิ่มขึ้น 1.88%, ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) (BBL) เพิ่มขึ้น 1.18% และธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) (KBANK) เพิ่มขึ้น 1.01% 

ส่วนอีก 7 แห่ง คือ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) (BAY) เพิ่มขึ้น 7.46% บริษัท แอล เอช ไฟแนนซ์เชียล กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) (LHFG) เพิ่มขึ้น 3.64%, ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย จำกัด (มหาชน) (CIMBT) เพิ่มขึ้น 3.40%, ธนาคาร ทหารไทยธนชาต จำกัด (มหาชน) (TTB) เพิ่มขึ้น 3.36%, ธนาคารเกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) (KKP) เพิ่มขึ้น 1.22%, ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) (KTB) เพิ่มขึ้น 0.84% และบริษัท ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) (TISCO) เพิ่มขึ้น 0.54%

 

การจ่ายเงินปันผลของกลุ่มธนาคารพาณิชย์

ขณะที่ในช่วงเดือนกันยายน 2564 มีธนาคารพาณิชย์ที่มีการจ่ายเงินปันผลแล้ว แห่ง คือ SCB หุ้นละ 1.43 บาท, KBANK หุ้นละ 0.50 บาท, BBL หุ้นละ 1.00 บาท, KKP หุ้นละ 0.75 บาท, BAY หุ้นละ 0.40 บาท และ LHFG หุ้นละ 0.03 บาท

 

นายธนวัฒน์ รื่นบันเทิง นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.)ทิสโก้ จำกัดเปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ”ว่า การที่ธปท.อนุญาตให้ธนาคารพาณิชย์จ่ายเงินปันผลปี 2564 ได้ไม่เกิน 50% ของกำไรสุทธิปี 2564 นั้น เป็นสัญญาณที่ดีขึ้นจากปี 2563 ที่กำหนดให้จ่ายได้ไม่เกิน 50% ของกำไรสุทธิปี 2563 และไม่เกินอัตราการจ่ายในปี 2562

นายธนวัฒน์ รื่นบันเทิง นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.)ทิสโก้ จำกัด

สะท้อนว่า ปีก่อนมีปัญหามากกว่ารวมถึงธปท.มั่นใจว่า มีเงินกองทุนที่รองรับเพียงพอ โดยมองว่า ธนาคารพาณิชย์ทุกแห่งจะมีอัตราการจ่ายเงินปันผลใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมาและคาดว่า ธนาคารที่จะมีการจ่ายเงินปันผลสูงสุด คือ SCB และ KKP

 

อย่างไรก็ตาม ราคาหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ที่ปรับเพิ่มขึ้นทั้งหมดในช่วงนี้ นอกจากการจ่ายเงินปันผลแล้ว ยังเป็นผลจากผลการดำเนินงวด 9 เดือนออกมาดีกว่าที่คาดการณ์ โดยเฉพาะปัญหาหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้(เอ็นพีแอล)ที่ไม่เพิ่มขึ้นในระดับสูง ซึ่งในส่วนที่เป็นมาตรการช่วยเหลือจากรัฐเพิ่มจาก 14% เป็น 16% ของสินเชื่อรวมถือว่าไม่มากนัก

 

ทำให้มองว่า ไตรมาส 4 ปีนี้จะเริ่มคลี่คลายจะเริ่มผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว ส่งผลให้ภาพรวมของหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ยังน่าสนใจ และราคาหุ้นเริ่มกลับเข้าสู่ภาวะที่เหมาะสม

 

“ต้องรอดูเศรษฐกิจปี 65 หากฟื้นตัวได้ดี ก็จะส่งผลต่อราคาหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ให้ไปต่อได้ โดยสิ้นปี 65 อาจจะบวกถึง 15-20% สะท้อนจากปัจจุบันที่เริ่มยกเลิกล็อกดาวน์ ทำให้ภาคเศรษฐกิจที่เป็นส่วนของการท่องเที่ยวเริ่มกลับมา ซึ่งในกลุ่มดังกล่าวยังเป็นกลุ่มเปราะบาง ทั้งโรงแรมและร้านอาหารที่ยังต้องขอรับความช่วยเหลือจากธนาคารพาณิชย์"นายธนวัฒน์กล่าว

 

ทั้งนี้ เชื่อว่า หลังจากนี้จะไม่มีการระบาดรอบที่ 5-6 หรือหากพบอีก ก็อาจล็อกดาวน์เฉพาะพื้นที่ จากปัจจุบันที่ยังพบผู้ติดเชื้อและเสียชีวิต แต่เป็นตัวเลขระดับที่ยังรับได้

 

สำหรับการตั้งสำรองหนี้สงสัยจะสูญในปี 2564 มองว่า จะไม่สูงอาจเท่าเดิม หรือค่อยๆ ลดลง เพราะในไตรมาส 3 ปี 64 ไม่ได้เพิ่มขึ้นมาก แม้จะเป็นไตรมาสแย่ที่สุดก็ตาม และคาดว่าปี 2565 ธนาคารพาณิชย์หลายๆ แห่งอาจมีการตั้งสำรองลดลงด้วย โดยแนะนำลงทุนหุ้นที่ราคายังปรับน้อย คือ BBL และ KTB ส่วน SCB และ KBANK ถึงแม้ราคาจะปรับขึ้นไปมากแล้ว แต่ยังสามารถไปต่อได้ 

 

นายชาญชัย พันทาธนากิจ ผู้จัดการสายงานวิจัย บล.เอเซีย พลัส จำกัดกล่าวว่า มีมุมมองเป็นบวกจากการคลายเกณฑ์จ่ายเงินปันผลของธนาคารพาณิชย์ รวมถึงเปิดทางให้สามารถซื้อหุ้นคืนได้ หากได้รับความเห็นชอบจากธปท. สะท้อนให้เห็นถึงความพร้อมของอัตราส่วนเงินกองทุน เนื่องจากตามกฎหมายบริษัทใดที่มีการซื้อหุ้นคืนอยู่ จะไม่สามรถดำเนินการเพิ่มทุนได้ แต่ที่ยังคงข้อจำกัดอัตราการจ่ายเงินปันผล เป็นไปตามหลักอนุรักษ์นิยม รองรับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยช่วงแรกที่ยังกระจายตัวไม่ทั่วถึง 

นายชาญชัย พันทาธนากิจ ผู้จัดการสายงานวิจัย บล.เอเซีย พลัส จำกัด

ขณะเดียวกัน ในปี 2562 พบว่าธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ ไม่ได้จ่ายเกิน 50% อยู่ที่ประมาณ 30% - 46% ของกำไรสุทธิตามงบการเงินรวม ทำให้โดยรวมคาดว่าเงินปันผลของธนาคารขนาดใหญ่ไม่ได้แตกต่างจากเดิม โดย TISCO แม้ยังถูกข้อจำกัดตามเกณฑ์ที่ 50% แต่เชื่อว่าไม่แตกต่างจากปีก่อน จากความเป็น Holding company จึงสามารถนำเงินปันผลจากบริษัทลูกมาช่วยเสริม

 

ทั้งนี้ คงน้ำหนักการลงทุนกลุ่มธนาคารพาณิชย์ “เท่าตลาด” จากทิศทางเศรษฐกิจไทยที่จะมีพัฒนาการที่ดีขึ้นตามลำดับ และคาดว่าจะเห็นการผ่อนปรนนโยบายเงินปันผลในรอบปีถัดไป

 

หน้า 13 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 41 ฉบับที่ 3,733 วันที่ 21 - 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2564