นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิหุ้นไทยต่อเนื่องเดือนที่สาม

นายศรพล ตุลยะเสถียร รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานวางแผนกลยุทธ์องค์กร ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.) เปิดเผยว่า ภาพรวมภาวะตลาดหลักทรัพย์เดือนตุลาคม 2564 SET Index  ปิดที่ 1,623.43 จุด เพิ่มขึ้น 1.1% จากสิ้นเดือนก่อนหน้า ส่งผลให้ช่วง 10 เดือนแรกปี 2564 SET Index ปรับเพิ่มขึ้น 12.0% จากสิ้นปี 2563 ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยของดัชนีตลาดหลักทรัพย์อื่นๆ

SET Index ใน 10 เดือนแรกปี 2564 ได้แรงหนุนจากเกือบทุกอุตสาหกรรมที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยกลุ่มอุตสาหกรรมที่ปรับตัวดีกว่า SET Index เมื่อเทียบกับสิ้นปี 2563 ได้แก่กลุ่มสินค้าอุตสาหกรรม กลุ่มเกษตรและอุตสาหกรรมอาหาร กลุ่มเทคโนโลยี กลุ่มบริการ กลุ่มการเงิน และกลุ่มอสังหาริมทรัพย์

ทั้งนี้กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ลดประมาณการเติบโตเศรษฐกิจโลกปี 2564 ลงเล็กน้อย จากการแพร่ระบาดระลอกใหม่ของโควิด-19 ราคาน้ำมันที่ปรับเพิ่มขึ้น รวมถึงปัญหาเรื่องห่วงโซ่อุปทานซึ่งทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับการเพิ่มขึ้นของเงินเฟ้อในหลายประเทศ ทั่วโลกส่งผลให้ธนาคารกลางต่างๆ อาจดำเนินนโยบายการเงินแบบตึงตัวในขณะที่เศรษฐกิจยังไม่ฟื้นตัวจาก COVID-19 อย่างเต็มตัว

อย่างไรก็ตาม จากสถานการณ์โควิด-19 ภายในประเทศที่มีแนวโน้มดีขึ้น อีกทั้งภาครัฐประกาศเดินหน้าเปิดประเทศโดยผ่อนคลายให้ผู้ที่เดินทางจากประเทศกลุ่มเสี่ยงต่ำสามารถเข้ามาได้โดยไม่ต้องกักตัว ทำให้เห็นเม็ดเงินลงทุน(Fund Flow) จากนักลงทุนต่างชาติไหลกลับเข้าสู่ตลาดหุ้นไทยเป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกัน โดยเฉพาะในกลุ่มอุตสาหกรรมที่ได้อานิสงส์จากการเปิดประเทศ (reopening

ทั้งนี้ในเดือนตุลาคม 2564 นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 15,773 ล้านบาท แต่ในช่วง 10 เดือนแรกปี 2564 นักลงทุนต่างชาติยังขายสุทธิรวม 63,399 ล้านบาท ขณะที่นักลงทุนในประเทศมีสถานะเป็นผู้ซื้อสุทธิ 101,974 ล้านบาท โดยตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2563 ที่มีการแพร่ระบาดของโควิด-19 นักลงทุนในประเทศมีสัดส่วนมูลค่าการซื้อขายสูงที่สุดมาอย่างต่อเนื่อง

สำหรับบริษัทเข้าจดทะเบียนซื้อขายใหม่ใน SET เดือนตุลาคมมี 3 บริษัท และในตลาดหลักทรัพย์ mai 2 บริษัท ส่งผลให้ช่วง 10 เดือนแรกปี 2564 SET มีมูลค่าเสนอขายในตลาดแรก (IPO) สูงที่สุดเมื่อเทียบกับตลาดหลักทรัพย์อื่นๆ ใน ASEAN

ขณะที่ Forward และ Historical P/E ของตลาดหลักทรัพย์ไทย ณ สิ้นเดือนตุลาคม 2564 อยู่ที่ระดับ 18.7 เท่า และ 19.9 เท่าตามลำดับ สูงกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดหลักทรัพย์ในเอเชียซึ่งอยู่ที่ระดับ 15.2 เท่า และ 17.7 เท่าตามลำดับ และอัตราเงินปันผลตอบแทน อยู่ที่ระดับ 2.72% สูงกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดหลักทรัพย์ในเอเชียซึ่งอยู่ที่ 2.39%

ส่วนภาวะตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้า(TFEX) เดือนตุลาคม 2564 มีปริมาณการซื้อขายเฉลี่ยต่อวัน 573,676 สัญญา ลดลง 15.5% จากเดือนก่อน และในช่วง 10 เดือนแรกของปี 2564 มีปริมาณการซื้อขายเฉลี่ยต่อวัน 552,436 สัญญา เพิ่มขึ้น 20.9% ที่สำคัญจากการเพิ่มขึ้นของ Single Stock Futures, Gold online futures และ USD Futures เป็นสำคัญ