SCBS CIO คาดเงินบาทมีโอกาสแข็งค่า 28.9 บาทปีหน้า

22 ธ.ค. 2563 | 09:12 น.

SCBS CIO มองกนง.“คง” ดอกเบี้ยนโยบายในการประชุม 23 ธ.ค.นี้ พร้อมคาดเงินบาทจะแข็งค่าถึง 28.9 บาทต่อดอลลาร์ในปีหน้า

 

22ธันวาคม 63  ดร.จิติพล พฤกษาเมธานันท์ ผู้อำนวยการอาวุโส Chief Investment Office บริษัทหลักทรัพย์ไทยพาณิชย์ จำกัด (SCBS CIO) กล่าวว่าการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ในวันที่ 23 ธันวาคมนี้ คาดว่า กนง.จะ “คง” อัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 0.50% ตามที่ตลาดคาดไว้ โดยคาดว่า กนง. จะมีมองว่าเศรษฐกิจไทยปรับตัวดีขึ้นแต่ยังมีแนวโน้มฟื้นตัวช้า และอาจให้มุมมองในเชิงระมัดระวังตัวมากขึ้นหลังเกิดการระบาดครั้งล่าสุดที่สมุทรสาคร การประสานงานระหว่างภาครัฐและการใช้นโยบายการเงินที่ผ่อนคลายจึงยังมีความจำเป็นอยู่มาก

 

 

SCBS CIO คาดเงินบาทมีโอกาสแข็งค่า 28.9 บาทปีหน้า

 

อัตราดอกเบี้ยและบอนด์ยีลด์ ดร.จิติพล  คาดว่าบอนด์ยีลด์ไทยจะไม่ผันผวนแรง เนื่องจากไม่ได้มีสินทรัพย์อื่นที่ให้ผลตอบแทนดีกว่าด้วยระดับความเสี่ยงเดียวกัน อย่างไรก็ดี การที่ยีลด์พันธบัตรรัฐบาลอายุสองปีขยับลงมาที่ระดับ 0.41% ต่ำกว่าดอกเบี้ยนโยบายและต่ำที่สุดในประวัติศาสตร์ ชี้ว่านักลงทุนยังคงกลัวความเสี่ยง และสภาพคล่องในระบบยังอยู่ในระบบสูง  เชื่อว่าถ้าเริ่มเห็นความคืบหน้าของการเปิดการท่องเที่ยวในที่สุด น่าจะทำให้เงินเหล่านี้กลับเข้าสู่ตลาดทุน และคงมุมมองเดิมว่ายีลด์สองปีจะปรับตัวขึ้นไปที่ระดับ 0.75% ได้ในปลายปี 2021 ตามทิศทางของบอนด์ยีลด์โลก
 

ส่วนยีลด์ระยะยาว (สิบปี) คาดว่าจะแกว่งตัวในระดับ 1.25-1.45% ไปจนถึงสิ้นปี และคาดการณ์ว่าในปี 2021 ยีลด์สิบปีไทยสามารถปรับตัวขึ้นไปที่ระดับ 1.70% ได้ อย่างไรก็ดีโอกาสที่ยีลด์จะปรับตัวสูงขึ้นทันทีนั้นมีไม่มาก เพราะเงินบาทที่แข็งค่าจะทำให้บอนด์ไทยมีความน่าสนใจจากทั้งนักลงทุนไทยและต่างชาติ

 

เงินทุนเคลื่อนย้าย – ดร.จิติพลมองการคงดอกเบี้ยที่ระดับต่ำของธปท.ไม่ได้ส่งผลกระทบกับมุมมองของนักลงทุนต่างชาติ เพราะมีเพียงส่วนน้อยที่เข้าลงทุนในตราสารหนี้ระยะสั้นเพื่อนเก็งกำไรค่าเงิน และกว่าครึ่งเน้นลงทุนบอนด์ระยะกลาง มองว่าจะมีนักลงทุนต่างชาติกลับเข้าซื้อบอนด์ไทยในปี 2021 ที่ระดับ 1-2 หมื่นล้านดอลลาร์ ใกล้เคียงกับค่าเฉลี่ยในช่วงปี 2016-2019 แต่ในฝั่งหุ้นไทยเชื่อว่าจะกลับมีแรงขายเล็กน้อยเพราะต้องปรับสัดส่วนการลงทุนใน Emerging Markets ใหม่เมื่อตลาดหุ้นจีนได้รับการเลือกเข้ามาในดัชนีมากขึ้น จึงอาจเห็นเงินทุนไหลออกอยู่
 

 

เงินบาท – เชื่อว่าธปท.จะแสดงความกังวลกับการแข็งค่าของเงินบาทที่เกิดขึ้นอย่างเร็วในช่วงนี้ แต่ไม่น่าจะมีนโยบายกำกับหรือแทรกแซงค่าเงินบาทในช่วงปีนี้ไปถึงปีหน้าได้มาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อประเทศไทยถูกจัดเข้าสู่ลิสต์การเฝ้าระวังของกระทรวงการคลังสหรัฐ
 

ส่วนมุมมองในอนาคต ประเมินว่าเงินบาทจะซื้อขายที่ระดับ 29.75-30.00 บาทต่อดอลลาร์ในช่วงสิ้นปีนี้ แต่ในปี 2021 เชื่อว่าสกุลเงินเอเชียและเงินบาทจะได้รับแรงหนุนจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกและราคาสินค้าโภคภัณฑ์ ขณะที่เงินดอลลาร์ก็มีโอกาสอ่อนค่าจากนโยบายการคลังในสหรัฐที่สูงกว่าประเทศอื่น และคาดว่าเงินบาทจะแข็งค่าลงไปแตะระดับ 28.9 ภายในปลายปี 2021

 

โดยสรุป ดร.จิติพล คาดว่าผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินของธปท.ครั้งนี้ จะไม่ทำให้ภาพตลาดเงินในประเทศเปลี่ยนแปลงมาก และเชื่อว่าบอนด์ยีลด์ไทยจะอยู่ในระดับต่ำต่อเนื่อง พร้อมกันกับที่เงินบาทก็มีโอกาสแข็งค่า

 

ดังนั้นสำหรับนักธุรกิจไทย สามารถมองเป็นโอกาสที่จะทำการกู้ยืมในช่วงดอกเบี้ยต่ำเพื่อธุรกิจในระยะยาว แต่ผู้ส่งออกอาจต้องเตรียมพร้อมกับการแข็งค่าของเงินบาท ในอนาคตมากขึ้นโดยอาจเลือกใช้สกุลเงินของประเทศคู่ค้าในการทำธุรกรรมมากขึ้น หรือทำประกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนไปพร้อมกันด้วย

 

ส่วนในฝั่งนักลงทุน ประเด็นที่ต้องคำนึงถึงมากขึ้นในการลงทุนคือสัดส่วนการลงทุนในบอนด์ไทย ซึ่งปัจจุบันให้ผลตอบแทนที่ต่ำมากเป็นความเสี่ยงต่อเป้าหมายการลงทุนระยะยาว แนะนำใช้เงินบาทที่แข็งค่าให้เป็นประโยชน์ ด้วยการเพิ่มการลงทุนในต่างประเทศ โดยแนะนำผสมผสานการลงทุนทั่วโลก ทั้งในกองทุนหุ้นกลุ่มปรับตัวขึ้นตามวัฏจักรเศรษฐกิจ (Cyclical) และหุ้นขนาดใหญ่ที่คาดว่าจะให้ผลตอบแทนสม่ำเสมอ (Income) ไปพร้อมกัน