วันนี้ (27 พฤศจิกายน 2568) มีการประกาศเปิดตัวคู่มือ ‘มิชลิน ไกด์’ ฉบับประเทศไทย ประจำปี 2569 (The MICHELIN Guide Thailand 2026) มิชลินได้ประกาศรายชื่อร้านอาหารที่คว้ารางวัล ‘ดาวมิชลิน’ และรางวัลพิเศษอื่น ๆ
โดยคู่มือฉบับนี้บรรจุรายชื่อร้านอาหารที่ผ่านการคัดสรรรวมทั้งสิ้น 468 แห่ง เป็นร้านที่ได้รับรางวัล ‘สามดาวมิชลิน’ 2 ร้าน (เลื่อนระดับจาก ‘สองดาวมิชลิน’ 1 ร้าน), ‘สองดาวมิชลิน’ 8 ร้าน (เลื่อนระดับจาก ‘หนึ่งดาวมิชลิน’ 2 ร้าน), รางวัล ‘หนึ่งดาวมิชลิน’ 33 ร้าน (ติดอันดับครั้งแรก 3 ร้าน และเลื่อนระดับจาก MICHELIN Selected 4 ร้าน), รางวัล ‘บิบ กูร์มองด์’ 137 ร้าน (ติดอันดับครั้งแรก 13 ร้าน) และร้านแนะนำ หรือ MICHELIN Selected อีก 288 ร้าน (ติดอันดับครั้งแรก 50 ร้าน)
นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)เข้าร่วมงานประกาศผลรางวัลดาวมิชลินประเทศไทย ประจำปี 2569 โดย ททท. ได้ให้การสนับสนุนโครงการ The MICHELIN Guide Thailand อย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2561-2568
สำหรับการประกาศร้านอาหารที่ได้รับคัดเลือกอยู่ในคู่มือฯ ประจำปี 2569 ในวันนี้นับเป็นคู่มือเล่มที่ 9 มีร้านอาหารที่ได้รับรางวัลทั้งสิ้น 468 ร้าน (เพิ่ม 6 ร้านจากปี 2568 จำนวน 462 ร้าน) ประกอบด้วย
ในโอกาสเดียวกันนี้ มีการมอบรางวัลพิเศษ 4 รางวัล โดย ผู้ว่าการ ททท. ได้มอบรางวัล MICHELIN THAILAND Service Award Presented by TAT ให้แก่ เชฟ Arsen Brahaj จากร้าน Aulis จ.พังงา โดยมีเชฟม่อน สุวิจักขณ์ กังแฮ จากร้าน Royd (หรอย) จ.ภูเก็ต ได้รับรางวัล MICHELIN Guide Thailand Young Chef Award Presented by BLANCPAIN
เชฟ Wilfrid Hocquet จากร้าน Margo รับรางวัล MICHELIN Guide Thailand Opening of the Year Award by UOB เชฟ Dawid Thompson ผู้ชื่นชอบทุ่มเทด้านอาหารไทยอย่างต่อเนื่องจนได้รับรางวัล Mentor Chef BY MICHELIN Guide Thailand ซึ่งถือเป็นรางวัลใหม่ในปีนี้
นอกจากนี้ ยังมีรางวัล MICHELIN Green Star ที่มอบให้แก่ร้านรักษ์โลก ใส่ใจเรื่องความยั่งยืน รวม 5 ร้าน ได้แก่ ร้าน GOAT ซึ่งได้รับปีนี้เป็นปีแรก ร้านบ้านเพทา ร้าน Haoma กรุงเทพฯ ร้านพรุ และ ร้านจำปา จ.ภูเก็ต
ทั้งนี้ ททท. เชื่อมั่นว่าการมอบรางวัลและจัดทำคู่มือดังกล่าว จะเป็นเครื่องมือสำคัญในการส่งเสริมภาพลักษณ์ของประเทศไทยให้เป็น World’s Leading Culinary Destination ก่อให้เกิดการตัดสินใจเดินทางของนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกเพื่อมาสัมผัสประสบการณ์การท่องเที่ยวเชิงอาหาร (Gastronomy Tourism) ’เสน่ห์ไทย‘ ในประเทศไทย เกิดกระแสการเดินทางตามรอยร้านอาหารที่แนะนำในคู่มือของมิชลิน
ทำให้เกิดการจ้างงานและสร้างรายได้ให้แก่อุตสาหกรรมท่องเที่ยวทั้งทางตรงและทางอ้อม นอกจากนี้ ร้านอาหารในแต่ละจังหวัดก็เร่งยกระดับมาตรฐานและพัฒนาศักยภาพของตนเองอย่างต่อเนื่องให้คงคุณภาพความเป็นเลิศด้านรสชาติและการบริการ เพื่อร่วมกันผลักดันอุตสาหกรรมท่องเที่ยวรวมถึงด้านการบริการของไทยให้ก้าวสู่มาตรฐานระดับนานาชาติอย่างมั่นคงและยั่งยืนต่อไป
นายเกว็นดัล ปูลเล็นเนค (Gwendal Poullennec) ผู้อำนวยการฝ่ายจัดทำคู่มือ ‘มิชลิน ไกด์’ ทั่วโลก กล่าวว่า “ประเทศไทยยังคงเป็นจุดหมายปลายทางที่โดดเด่นสำหรับผู้มองหาประสบการณ์ด้านอาหารที่หลากหลายและมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว
คู่มือ ‘มิชลิน ไกด์’ ฉบับล่าสุดสะท้อนให้เห็นถึงพัฒนาการและความแปลกใหม่ที่น่าตื่นตาตื่นใจหลายด้าน คู่มือฉบับนี้ครอบคลุมประเภทอาหารมากขึ้น...สะท้อนถึงความหลากหลายและการเปลี่ยนแปลงไม่หยุดนิ่งในแวดวงอาหารของไทยซึ่งขับเคลื่อนด้วยพลังและความคิดสร้างสรรค์ที่น่าทึ่ง
นอกจากนี้ จำนวนร้านระดับดาวมิชลินที่เพิ่มขึ้นยังทำให้ประเทศไทยเป็นหมุดหมายด้านอาหารที่น่าดึงดูดยิ่งขึ้นบนเวทีโลก
ภาพรวมของแนวโน้มและทิศทางวงการอาหารของไทย
นายปูลเล็นเนค เปิดเผยว่า ผู้ตรวจสอบของ ‘มิชลิน ไกด์’ พบว่าเชฟชาวต่างชาติเข้ามามีบทบาทเพิ่มขึ้นในหลายพื้นที่ทั่วประเทศไทย โดยนำพลังสร้างสรรค์และมุมมองที่เป็นสากลมาสู่วงการอาหาร ขณะเดียวกันยังผสมผสานวัตถุดิบและขนบธรรมเนียมท้องถิ่นในการรังสรรค์เมนูใหม่ ๆ ขณะที่เชฟชาวไทยมีบทบาทในการยกระดับอาหารท้องถิ่นด้วยการขับเน้นรสชาติประจำภูมิภาคให้ชัดเจนและโดดเด่นขึ้น
นอกจากนี้ ความร่วมมือระหว่างเชฟกับผู้ผลิตรายย่อยยังขยายวงกว้างขึ้น ร้านอาหารจำนวนมากไม่เพียงเลือกใช้วัตถุดิบตามฤดูกาล แต่ยังส่งเสริมผลิตภัณฑ์ท้องถิ่นจากเกษตรกรรายย่อยและชุมชนในพื้นที่ การจับคู่อาหารกับเครื่องดื่มยังคงมีส่วนสำคัญในการเสริมสร้างประสบการณ์การทานอาหาร โดยเครื่องดื่มไร้แอลกอฮอล์ที่ทำจากสมุนไพรและดอกไม้ได้รับความนิยมสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องนอกเหนือจากไวน์ชั้นดี
ผู้ตรวจสอบของ ‘มิชลิน ไกด์’ ยังสังเกตเห็นการเพิ่มขึ้นของร้านอาหารแบบสบาย ๆ ที่สะท้อนตัวตนเชฟ เมนูซึ่งเน้นพืชเป็นหลัก และแนวคิดอาหารไทยสมัยใหม่ที่เคารพรากเหง้าดั้งเดิม การปรุงอาหารด้วยความรับผิดชอบและการคัดสรรวัตถุดิบอย่างใส่ใจได้กลายเป็นแนวปฏิบัติประจำวันที่สำคัญของการทำครัว ขณะที่อาหารเชิง “สร้างสรรค์” หรือ “ไร้พรมแดน” ซึ่งเน้นการผสานเทคนิคและวัตถุดิบจากหลากวัฒนธรรมอาหาร กำลังเป็นเทรนด์ใหม่มาแรง
‘ซูห์ริง’ คว้า ‘สามดาวมิชลิน’ มาครองเป็นร้านที่สองในไทยต่อจาก ‘ศรณ์’ นอกจาก ศรณ์ ซึ่งครองตำแหน่งร้านระดับ ‘สามดาวมิชลิน’ ร้านแรกในไทย ในปีนี้ยังมีร้านอาหารร่วมครองรางวัลนี้อีก 1 ร้าน คือ ซูห์ริง ร้านอาหารที่ก่อตั้งโดยเชฟฝาแฝด โธมัสและแมทธิอัส ซูห์ริง (Thomas & Mathias Sühring)
โดยถ่ายทอดเสน่ห์อาหารเยอรมันร่วมสมัยผ่านเทสติงเมนูที่ได้แรงบันดาลใจจากสูตรอาหารในครอบครัว ความทรงจำวัยเด็ก และการเดินทาง วัตถุดิบตามฤดูกาลถูกนำมาปรุงอย่างเชี่ยวชาญด้วยเทคนิคดั้งเดิมแบบเยอรมัน
ทั้งการหมัก การดอง และการรมควัน ทุกจานรังสรรค์อย่างประณีตและจัดวางอย่างงดงาม ทำให้ได้รับประสบการณ์การรับประทานอาหารที่ทั้งอร่อยและน่าประทับใจ
ซูห์ริง ปรากฎชื่อในคู่มือ ‘มิชลิน ไกด์’ ฉบับประเทศไทย มาตั้งแต่ฉบับปฐมฤกษ์ปี 2561 ในฐานะร้าน ‘หนึ่งดาวมิชลิน’ เพียงหนึ่งปีต่อมาก็ได้รับการเลื่อนระดับเป็นร้าน ‘สองดาวมิชลิน’ และสามารถครองสถานะ ‘สองดาวมิชลิน’ เอาไว้ได้อย่างต่อเนื่องตลอด 7 ปี
การเลื่อนระดับสู่รางวัล ‘สามดาวมิชลิน’ ได้ในคู่มือฯ ฉบับปี 2569 นับเป็นการตอกย้ำถึงความเป็นเลิศ ความสม่ำเสมอ และความมุ่งมั่นรักษามาตรฐานสูงสุดด้านอาหารได้เป็นอย่างดี
‘แอน-โซฟี พิค แอท เลอ นอร์มังดี’ และ ‘อินดี’ ได้รับการเลื่อนระดับเป็นร้าน ‘สองดาวมิชลิน’
ในคู่มือ ‘มิชลิน ไกด์’ ฉบับประเทศไทย ประจำปี 2569 มีร้านอาหารคว้ารางวัล ‘สองดาวมิชลิน’ เพิ่มขึ้น 2 ร้าน โดยทั้งคู่ได้รับการเลื่อนระดับจาก ‘หนึ่งดาวมิชลิน’ ได้แก่
รางวัล ‘หนึ่งดาวมิชลิน’ มีร้านติดอันดับเพิ่มขึ้น 7 ร้าน
สำหรับรางวัล ‘หนึ่งดาวมิชลิน’ ซึ่งมีร้านใหม่ติดโผ 7 ร้าน ในจำนวนนี้ 3 ร้านได้รับการจัดอันดับในคู่มือ ‘มิชลิน ไกด์’ ประเทศไทย เป็นครั้งแรก ส่วนอีก 4 ร้านได้รับการเลื่อนระดับจากร้านแนะนำ หรือ MICHELIN Selected
ร้านใหม่ระดับ ‘หนึ่งดาวมิชลิน’ ที่ติดอันดับในคู่มือ ‘มิชลิน ไกด์’ ประเทศไทย เป็นครั้งแรก ได้แก่
ร้านใหม่ระดับ ‘หนึ่งดาวมิชลิน’ ที่เลื่อนระดับจากร้านแนะนำ หรือ MICHELIN Selected ได้แก่
รางวัลพิเศษ 4 รางวัล
คู่มือ ‘มิชลิน ไกด์’ ประเทศไทย มอบรางวัลพิเศษให้กับบุคลากรมืออาชีพจากร้านอาหารที่ติดอันดับในคู่มือฯ ซึ่งมีความสามารถโดดเด่นและมีบทบาทในการยกระดับประสบการณ์ด้านอาหารให้ยอดเยี่ยมยิ่งขึ้น อันเป็นการส่งเสริมให้ภาพลักษณ์ของอุตสาหกรรมด้านอาหารและบริการเป็นที่น่าสนใจและน่าทำงานด้วย
MICHELIN Guide Young Chef Award เป็นรางวัลพิเศษที่ได้รับการสนับสนุนโดย “บลองแปง” (Blancpain) แบรนด์นาฬิกาจากสวิตเซอร์แลนด์ รางวัลนี้มอบให้กับสุดยอดเชฟรุ่นใหม่ที่แสดงศักยภาพโดดเด่นตลอดระยะเวลา 12 เดือนที่ผ่านมา ด้วยคุณสมบัติและทักษะความสามารถในการรังสรรค์อาหารอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว โดยผู้ได้รับรางวัลประจำปี 2569 คือ เชฟ “มอนด์” สุวิจักขณ์ กังแฮ เชฟและเจ้าของร้าน ‘หรอย’ (Royd) ร้านระดับ MICHELIN Selected
เชฟมอนด์เกิดที่ภูเก็ต โดยเติบโตมาในครอบครัวที่ทำธุรกิจด้านอาหาร ซึ่งเป็นแรงบันดาลใจให้เขาหลงใหลในอาหารใต้อย่างลึกซึ้ง นอกจากนี้ เขายังมีโอกาสได้ฝึกทักษะในร้านอาหารฝรั่งเศสซึ่งทำให้ได้รับประสบการณ์ล้ำค่าด้านอาหารหรูประเภท ‘ไฟน์ไดนิง’ (Fine Dining) เมื่อกลับมายังจังหวัดบ้านเกิด เขาจึงได้เปิดร้าน ‘หรอย’ เพื่อนำเสนออาหารที่สะท้อนรสชาติอันเป็นเอกลักษณ์ของทะเลใต้
นอกจากจะมุ่งมั่นสนับสนุนชุมชนท้องถิ่นแล้ว เชฟมอนด์ยังผสานสูตรอาหารดั้งเดิมเข้ากับเทคนิคการประกอบอาหารที่ทันสมัย เพื่อถ่ายทอดให้โลกได้เห็นถึงวิถีการทานอาหารของชาวใต้
MICHELIN Guide Opening of the Year Award เป็นรางวัลที่ได้รับการสนับสนุนโดยธนาคารยูโอบี (UOB) มอบให้กับบุคลากรและทีมงานซึ่งประสบความสำเร็จในการเปิดร้านอาหารใหม่ในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา โดยมีแนวคิดที่โดดเด่นในการนำเสนออาหารอย่างสร้างสรรค์ จนกลายเป็นกระแสที่ได้รับความสนใจจากวงการอาหารในประเทศ สำหรับผู้ได้รับรางวัลประจำปี 2569 คือ วิลฟริด อ็อกเก (Wilfrid Hocquet) เชฟและเจ้าของร้าน ‘มาร์โก’
มาร์โก เป็นร้านอาหารฝรั่งเศสที่เปิดตัวเมื่อเดือนมิถุนายน 2568 และติดอันดับร้านแนะนำ หรือ MICHELIN Selected ในคู่มือ ‘มิชลิน ไกด์’ ประเทศไทย ฉบับล่าสุด โดยนำเสนอเมนูที่ถ่ายทอดเสน่ห์อาหารฝรั่งเศสคลาสสิกด้วยฝีมือประณีต เสริมด้วยบรรยากาศที่มีชีวิตชีวาและการให้บริการที่มีประสิทธิภาพจากทีมงานมืออาชีพ แม้จะเป็นร้านเปิดใหม่ แต่ มาร์โก ให้ความรู้สึกเหมือนร้านที่คุ้นเคยและอยู่มานาน ...เรียบง่ายแต่มีสไตล์ พิถีพิถันในทุกองค์ประกอบ และเปี่ยมศักยภาพ
MICHELIN Guide Service Award เป็นรางวัลที่ได้รับการสนับสนุนโดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย มอบให้สุดยอดบุคลากรของร้านอาหารที่ทุ่มเทให้กับการบริการเพื่อให้ลูกค้าได้สัมผัสประสบการณ์การทานอาหารที่ยอดเยี่ยม สำหรับผู้ได้รับรางวัลประจำปี 2569 คือ อาร์เซน บราเฮจ (Arsen Brahaj) ผู้จัดการร้าน ‘อาวลิส’ ร้านระดับ ‘หนึ่งดาวมิชลิน’ ในจังหวัดพังงา
มร.บราเฮจ มาจากประเทศแอลเบเนีย สามารถสื่อสารได้ถึง 4 ภาษา ทั้งยังเคยมีประสบการณ์ทำงานเป็นหัวหน้างาน (Supervisor) ในร้านอาหารระดับ ‘ดาวมิชลิน’ ของเชฟ ‘ไซมอน โรแกน’ (Simon Rogan) ที่ประเทศมอลตา ที่ อาวลิส เขามีหน้าที่กำกับดูแลทีมบริการและรับผิดชอบการจับคู่อาหารกับเครื่องดื่มซึ่งรังสรรค์จากวัตถุดิบท้องถิ่น
มร.บราเฮจ มีบทบาทในการบริหารจัดการเพื่อให้การบริการเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและราบรื่น เขาต้อนรับแขกด้วยเสน่ห์ที่เป็นธรรมชาติ อธิบายเมนูอาหารอย่างเอาใจใส่ สนับสนุนการทำงานของทีมครัว และมอบประสบการณ์การทานอาหารที่น่าประทับใจไม่รู้ลืม
MICHELIN Guide Mentor Chef Award เป็นรางวัลที่ได้รับการสนับสนุนโดยดับบลิวพี เอ็นเนอร์ยี่ มอบให้กับเชฟผู้มีบทบาทสำคัญต่อวงการอาหารผ่านการทุ่มเทมุ่งมั่นถ่ายทอดความรู้และทักษะที่สั่งสมมาให้กับเชฟรุ่นใหม่ โดยผู้ได้รับรางวัลอันทรงเกียรตินี้เป็นรายแรกในไทย คือ เดวิด ทอมป์สัน (David Thompson) เชฟและเจ้าของร้าน ‘อักษร’ (หนึ่งดาวมิชลิน) และ ‘ชอพ ชอพ กุ๊ก ช็อป’ (MICHELIN Selected)
เส้นทางการทำอาหารไทยของ มร.ทอมป์สัน เริ่มขึ้นในช่วงปี 2523-2532 โดยเขาได้มาเยือนประเทศไทยเป็นครั้งแรกและตกหลุมรักในวัฒนธรรมอาหารไทยที่หลากหลายและรุ่มรวย ในปี 2544 เขาได้เปิดร้าน Nahm ณ กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ซึ่งเป็นร้านอาหารไทยร้านแรกที่ได้รับรางวัลดาวมิชลิน พิสูจน์ให้นานาชาติได้เห็นถึงศักยภาพของอาหารไทยบนเวทีอาหารประเภท ‘ไฟน์ไดนิง’ (Fine Dining) ระดับโลก ต่อมาในปี 2553 เขาได้เปิดร้าน Nahm ที่กรุงเทพฯ และมีบทบาทสำคัญในการหล่อหลอมอัตลักษณ์ของอาหารไทยประเภท ‘ไฟน์ไดนิง’ ในสายตาของทั้งเชฟและนักชิม
นอกจากความสำเร็จด้านอาหารของตนเองแล้ว มร.ทอมป์สัน ยังถ่ายทอดภูมิปัญญาความรู้และให้คำแนะนำแก่คนรุ่นใหม่ เชฟชั้นนำของไทยหลายคนเคยฝึกฝนฝีมือในครัวของเขาและยังคงสืบทอดเจตนารมณ์ในการเคารพรากเหง้าทางวัฒนธรรมและมุ่งมั่นสู่ความเป็นเลิศ แม้จะไม่ใช่คนไทยโดยกำเนิด แต่ตลอดเส้นทางอาชีพ มร.ทอมป์สัน ได้อุทิศตนเพื่อสืบสาน ถ่ายทอด และยกระดับอาหารไทย โดยเขาได้สร้างแรงกระเพื่อมที่ขับเคลื่อนวงการอาหารไทยอย่างลึกซึ้งและยั่งยืน
‘โกท’ คว้า MICHELIN Green Star หรือ “ดาวมิชลินรักษ์โลก” ทำให้มีร้านอาหารในไทยในหมวดนี้รวมทั้งสิ้น 5 ร้าน
MICHELIN Green Star หรือ “ดาวมิชลินรักษ์โลก” มอบให้กับร้านอาหารที่ได้รับการจัดอันดับในคู่มือ ‘มิชลิน ไกด์’ ซึ่งสร้างแรงบันดาลใจและความประทับใจให้กับผู้ตรวจสอบของ ‘มิชลิน ไกด์’ เป็นพิเศษด้วยวิสัยทัศน์อันมุ่งมั่นต่ออนาคตของวงการอาหาร
รางวัลนี้มีบทบาทในการรวบรวมร้านอาหารที่มีแนวคิดสร้างสรรค์และมุ่งพัฒนาบทบาทร้านอาหารให้ก้าวรุดหน้าในเรื่องความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยส่งเสริมให้เกิดการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและความร่วมมือระหว่างกันเพื่อเป็นแรงบันดาลใจที่นำไปสู่การพัฒนาอย่างต่อเนื่อง
ในปีนี้ ร้านอาหารเพียงหนึ่งเดียวที่ดึงดูดความสนใจของผู้ตรวจสอบจาก ‘มิชลิน ไกด์’ ได้ด้วยวิสัยทัศน์ที่น่าประทับใจ คือ โกท ร้านอาหาร ‘หนึ่งดาวมิชลิน’ ที่มุ่งมั่นปรุงอาหารอย่างใส่ใจต่อสิ่งแวดล้อม พร้อมชูความอุดมสมบูรณ์ของวัตถุดิบในประเทศ โดยเลือกใช้วัตถุดิบที่มาจากเกษตรกร ชาวประมง และผู้ผลิตรายย่อยในท้องถิ่นโดยตรง
ทั้งยังใช้สมุนไพรและดอกไม้กินได้จากสวนบนดาดฟ้าที่ปลูกเอง ร้านพยายามใช้วัตถุดิบและสิ่งต่าง ๆ ในครัวให้เกิดประโยชน์ เช่น การนำผักที่เหลือจากการทำอาหารมาทำปุ๋ยหมัก และเล็งเห็นความสำคัญของการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า โดยเฉพาะการแปรรูปน้ำมันเก่า แม้แต่การออกแบบร้านก็สะท้อนแนวคิดเดียวกัน ตั้งแต่การนำไม้เก่ากลับมาใช้ใหม่ ไปจนถึงการเลือกใช้ภาชนะบนโต๊ะอาหารที่ทำจากวัสดุรีไซเคิล
ทั้งนี้ โกท จะเป็นส่วนหนึ่งของชุมชนร้านอาหารที่มุ่งมั่นในแนวทางปฏิบัติเรื่องความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมร่วมกับร้านอาหารอีก 4 ร้าน ได้แก่ พรุ, ฮาโอมา, จำปา และ บ้านเทพา ที่ยังคงสร้างความประทับใจให้กับผู้ตรวจสอบจาก ‘มิชลิน ไกด์’ และครองสถานะ “ดาวมิชลินรักษ์โลก” เอาไว้ได้
สรุปจำนวนร้านอาหารที่ได้รับรางวัลจากคู่มือ ‘มิชลิน ไกด์ ประเทศไทย 2569’