เทรนด์การจ้างงานระยะสั้น ดันเงินเดือนเภสัชกร - งานช่าง พุ่ง 1.5 แสน/เดือน

28 ก.ย. 2564 | 06:15 น.

แมนพาวเวอร์กรุ๊ป สะท้อนอัตราเงินเดือนพนักงาน ยุคโควิด พบเลทอัตราจ้างพนักงานชั่วคราว หรือพนักงานโปรเจคพุ่ง เภสัชกร หรืองานฝ่านการผลิต งานช่าง สตาร์ท 1.5-1.2 แสนบาทต่อเดือน ขณะที่เงินเดือนพนักงานประจำ พนักงานขายและการตลาด 45,000 – 460,000 บาทต่อเดือน

นายไซมอน แมททิวส์ ผู้จัดการระดับภูมิภาคประจำประเทศไทย, แถบตะวันออกกลาง และเวียดนาม แมนพาวเวอร์กรุ๊ป เปิดเผยว่า แมนพาวเวอร์กรุ๊ป ได้จัดทำ “ManpowerGroup Thailand Salary Guide 2021 - 2022” โดยรวบรวมข้อมูลจากทุกมิติของกลุ่มงานต่างๆ ให้มีความครอบคลุมทุกทักษะในแต่ละระดับและประเภทของการจ้างงานที่หลากหลาย ซึ่งการจัดทำและเตรียมข้อมูลทั้งหมดมีความเป็นปัจจุบัน เพื่อเป็นแนวทางสำหรับองค์กรธุรกิจนำไปใช้ในการวางแผนกำลังคนและการจัดการต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพต่อไป

นอกจากนี้ แมนพาวเวอร์กรุ๊ป ประเทศไทยยังได้เห็นสัญญาณของตลาดงานในปีนี้ ซึ่งมีการปรับตัวและมีความยืดหยุ่นมากขึ้น เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา และยังเห็นทิศทางการจ้างงานระยะสั้นประเภทต่างๆ โดยเฉพาะการจ้างงานแบบเอาท์ซอร์ส (Outsource) เพื่อแก้ปัญหาการขาดแคลนแรงงานระยะสั้นเป็นสำคัญ ผู้ประกอบการต่างๆ ปรับเปลี่ยนองค์กรมีให้ความยืดหยุ่น คล่องตัว และใช้เทคโนโลยีมากขึ้น ในขณะเดียวกัน ภาคแรงงานกำลังเร่งเพิ่มทักษะ (Upskill) และทักษะใหม่ (Reskill) เพื่อรองรับรูปแบบการทำงานและอาชีพที่เปลี่ยนแปลงไปตามความต้องการท่ามกลางสถานการณ์ที่กำลังดำเนินอยู่

นางสาวสุธิดา กาญจนกันติกุล ผู้จัดการฝ่ายการตลาด แมนพาวเวอร์กรุ๊ป ประเทศไทย เปิดเผยว่า แนวโน้มด้านค่าตอบแทนในกลุ่มสายงานต่างๆ มีการเปลี่ยนแปลงโดยเฉพาะหลังวิกฤตการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด (COVID-19) เป็นอัตราเร่งให้ทุกองค์กร มีการปรับวิถีชีวิตและการทำงานสู่รูปแบบใหม่ จากวิถีชีวิตใหม่ (New Normal)สู่วิถีชีวิถัดไป (Next Normal) ทำให้รูปแบบการทำงานขององค์กรเปลี่ยนไปเป็นการทำงานได้จากทุกที่ ทุกเวลา “Work Anywhere Anytime” เป็นการทำงานแบบรีโมทและทำงานจากที่บ้าน (Work From Home) มากขึ้น

 

อย่างไรก็ตาม ในแต่ละองค์กรมีค่าตอบแทนและสวัสดิการต่างๆ ขึ้นอยู่กับกลุ่มธุรกิจ โดยโครงสร้างเงินเดือนของบุคลากรในสายต่างๆ ตั้งแต่ระดับบัณฑิตจบใหม่ ไปจนถึงระดับผู้บริหาร โดยเริ่มตั้งแต่ต้นที่ 15,000 ไปจนถึง 850,000 ต่อเดือน ทั้งนี้ อยู่กับคุณสมบัติและประสบการณ์ ทักษะด้านเทคโนโลยีและทักษะด้านภาษา

สำหรับการจ้างงานแบบพนักงานประจำ ในระดับผู้จัดการจนถึงระดับผู้บริหารในกลุ่มสายงานต่างๆ มีระดับเงินเดือนแตกต่างกัน ดังนี้ งานระดับผู้บริหารระดับเงินเดือนเริ่มต้นอยู่ที่ 67,200 – 850,000 บาทต่อเดือน งานทรัพยากรมนุษย์ระดับเงินเดือนเริ่มต้นอยู่ที่ 42,000 - 340,000 บาทต่อเดือน งานบัญชีและการเงินเงินเดือนเริ่มต้นอยู่ที่ 40,000 – 189,500 บาทต่อเดือน งานขายและการตลาดเงินเดือนเริ่มต้นอยู่ที่ 45,000 – 460,000 บาทต่อเดือน  

งานภาคการผลิตและวิศวกรเงินเดือนเริ่มต้นอยู่ที่ 55,000 – 250,000 บาทต่อเดือน งานบริการลูกค้าเงินเดือนเริ่มต้นอยู่ที่ 48,000 – 120,000 บาทต่อเดือน งานบริการสำนักงานเงินเดือนเริ่มต้นอยู่ที่ 35,000 – 120,500 บาทต่อเดือน งานซัพพลายเชนและโลจิสติกส์เงินเดือนเริ่มต้นอยู่ที่ 28,000 – 250,000 บาทต่อเดือน กลุ่มอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้างเงินเดือนเริ่มต้นอยู่ที่ 42,000 – 340,000 บาทต่อเดือน  งานด้านไอทีเงินเดือนเริ่มต้นอยู่ที่ 40,000 – 525,000 บาทต่อเดือน

เทรนด์การจ้างงานระยะสั้น ดันเงินเดือนเภสัชกร - งานช่าง พุ่ง 1.5 แสน/เดือน

จับตากลุ่มงานสัญญาจ้าง งานชั่วคราว รวมถึงงานโปรเจกต์ วิถีเปลี่ยนความต้องการโตต่อเนื่อง ในระดับผู้จัดการเป็นต้นไป งานบริการลูกค้าเงินเดือนเริ่มต้นอยู่ที่ 60,000 – 120,000 บาทต่อเดือน งานบัญชีและการเงินเงินเดือนเริ่มต้นอยู่ที่ 50,000 – 100,000 บาทต่อเดือน งานขายและการตลาดเงินเดือนเริ่มต้นอยู่ที่ 35,000 – 80,000 บาทต่อเดือน เภสัชกรรมและสุขภาพการแพทย์เงินเดือนเริ่มต้นอยู่ที่ 150,000 – 200,000 บาทต่อเดือน งานภาคการผลิตและช่างเทคนิคเงินเดือนเริ่มต้นอยู่ที่ 120,000 – 200,000 บาทต่อเดือน งานโครงการโยธาเงินเดือนเริ่มต้นอยู่ที่ 70,000 – 120,000 บาทต่อเดือน 

ในส่วนการจ้างงานชาวต่างประเทศในระดับผู้บริหาร ในกลุ่มหัวหน้าฝ่าย ผู้อำนวยการ ประธานเจ้าหน้าที่ และกรรมการผู้จัดการ เงินเดือนเริ่มต้นอยู่ที่ 140,000 – 1,000,000 บาทต่อเดือน 

เทรนด์การจ้างงานระยะสั้น ดันเงินเดือนเภสัชกร - งานช่าง พุ่ง 1.5 แสน/เดือน

อย่างไรก็ตาม การแข่งขันในแต่ละสายงานมีตัวเร่งและปัจจัยในการขับเคลื่อนที่แตกต่างกันบ้างตามแต่ละสายงาน แต่มีหนึ่งเครื่องมือที่ในยุคดิจิทัลปฏิเสธไม่ได้ก็คือ การนำเทคโนโลยี (IT) เข้ามามีบทบาทในการทำงานส่งผลให้บุคลากรต้องมีการเรียนรู้อยู่ตลอดทั้งการรีสกิล (Reskill) และ อัพสกิล (Upskill) เพื่อมาช่วยในการทำงาน รวมทั้งทักษะการทำงานร่วมกัน การสื่อสารที่เข้าใจและทักษะการใช้ภาษาอังกฤษ 

ทั้งนี้ เพื่อให้การทำงานประสบความสำเร็จอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งทักษะความสามารถเฉพาะทางที่สำคัญเหล่านี้นับเป็นการสร้างความได้เปรียบ รวมไปถึงเป็นการเพิ่มโอกาสเข้าทำงานในบริษัทหรือองค์กรชั้นนำอีกด้วย สำหรับการก้าวสู่ยุคความปกติถัดไป (Next Normal) ทิศทางแรงงานอาจเปลี่ยนแปลงไปเปิดกว้างสำหรับการจ้างงานแบบระยะสั้นประเภทต่างๆมากขึ้น

สำหรับวิถีชีวิตและการทำงานแบบออนด์ดีมานด์ ได้ทุกที่ ทุกเวลา บูรณาการเรื่องงานและเรื่องส่วนตัวเข้าด้วยกัน เพราะความสำเร็จอยู่ที่การออกแบบชีวิตของแต่ละคน องค์กรควรเตรียมความพร้อมตั้งรับวิถีคนทำงานภายใต้บริบทใหม่  โควิด ดิสรัปชั่น นับเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญของการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ปรับตัวได้ก่อน รับมือก่อน เพราะความสำเร็จ…คุณออกแบบได้

อย่างไรก็ตาม นายจ้างจำเป็นต้องมีการบริหารจัดการในภาวะวิกฤตด้านกำลังคน (แรงงาน) และแผนการจัดการความปลอดภัยของพนักงานอย่างมีประสิทธิภาพ โดยเริ่มจากการติดตั้งมาตรการคัดกรองที่ชัดเจนและเป็นระบบ จัดให้มีการทดสอบ COVID-19 ก่อนกลับไปทำงาน เพื่อให้มั่นใจว่ามาตรการความปลอดภัยส่วนบุคคลทั้งหมดถูกนำมาใช้ ซึ่งรวมถึงการสวมหน้ากาก การล้างมือ การฉีดวัคซีน การนำระบบอัตโนมัติมาใช้ และการประเมินผลกระทบใดๆ  รวมทั้ง

ความพร้อมเชิงรุกจะนำไปสู่การปรับตัวที่ดีขึ้น โดยมีระบบการจัดการสำหรับพนักงานและนายจ้าง มีการวิเคราะห์สถานการณ์จากทุกมุม โดยเฉพาะการประเมินความเสี่ยงจะช่วยให้ทุกคนมีทางเลือกที่ดีขึ้น ความเข้าใจที่ดีขึ้นและความร่วมมืออย่างเต็มที่จากทุกฝ่ายจะช่วยให้ทุกคนผ่านสถานการณ์ปัจจุบันและพร้อมที่จะไปสู่ภาวะปกติต่อไปได้สำเร็จ